Quantcast
Channel: DroidSans - Advertorial
Viewing all 80 articles
Browse latest View live

[Review] TRUE SMART 4G 5.5” Enterprise แรงเต็มพิกัด ใช้ได้ 100 ประเทศทั่วโลก

$
0
0

สมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ในบ้านเรานั้นตอนนี้มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่มีสมาร์ทโฟนสักกี่รุ่นที่จะรองรับ 4G ได้ทั่วโลก วันนี้ผมได้โอกาสลองเล่น TRUE SMART 4G 5.5” Enterprise สมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G กว่า 100 กว่าประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ 4G คลื่น FDD LTE ที่ใช้กันแพร่หลายแล้ว ยังรองรับ 4G TDD LTE ในประเทศ ไทย จีน ฮ่องกง กว่า 100 ประเทศทั่วโลกด้วย

แต่สมาร์ทโฟนที่ดีจะบอกว่าแค่รับ4G ได้ก็คงไม่ใช่มันต้องมาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีUI ที่ลื่นไหลด้วยซึ่งTRUE SMART 4G 5.5” Enterprise นั้นดีพอไหมเราต้องมารีวิวพิสูจน์กัน 

TRUE SMART 4G 5.5” Enterprise ถูกใส่มาในกล่องที่มาพร้อมปลอกสีเงินเงางาม(บอกทำไม) เอาเป็นว่ากล่องสวมด้านนอกนี่มีรายละเอียดของตัวเครื่องพร้อมจุดขายเสร็จสรรพแค่พลิกกล่องไปมาก็อ่านสเปคได้หมดถึงไส้ในตัวเครื่องแบบไม่ต้องแงะ

สเปค TRUE SMART 4G 5.5” Enterprise

  • Android 4.4 KitKat
  • หน้าจอ 5.5 นิ้ว HD 1280x720 (320 dpi) IPS
  • CPU Qualcomm Snapdragon MSM8926 1.2 GHz quad-core
  • RAM 2GB
  • ROM 8GB
  • กล้องหน้าความละเอียด 5MP
  • กล้องหลังความละเอียด 8MP
  • รองรับ 2G : 900/1800/1900
  • รองรับ 3G
  • WCDMA      : 850/1900/2100
  • TD-SCDMA :1900/2000
  • รองรับ 4G
  • LTE FDD : 1800/2100/2600
  • LTE TDD : 2300/2500/2600
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : bluetooth, wifi, nfc
  • แบตเตอรี่ 3,100 มิลลิแอมป์ 

อุปกรณ์ข้างในกล่องนั้นมาครบทั้งสายmicro USB หม้อแปลงจ่ายไฟ1A หูฟังแบบin-ear  มีฟิล์มกันรอยแถมมาให้ด้วยและสิ่งที่หายากในสมัยนี้นั่นก็คือคู่มือการใช้งานที่มีมาเป็นเล่มเล็กๆให้ได้ศึกษากัน

ความรู้สึกในการจับเครื่องขึ้นมาครั้งแรกบอกเลยว่ามันรู้สึกดีกว่ามือถือของทรูรุ่นที่แล้วๆมามากดูปากอีกทีนะคะดีกว่ามากงานประกอบแน่นหนาวัสดุดูแข็งแรงทนทานจับขึ้นมาบิดๆบีบๆไม่มีความรู้สึกว่ามันกรอบแกรบเหมือนรุ่นก่อนๆ

ปุ่มกดต่างๆอยู่ที่ด้านขวาทั้งปุ่มเปิดเครื่องและปุ่มปรับเสียงแน่นอนว่าสมารืทโฟนที่หน้าจอใหญ่ๆจะเอาปุ่มไปไว้ด้านบนนั้นกว่าจะเอื้อมนิ้วไปถึงนั้นลำบากแน่นอนย้ายมาไว้ด้านข้างตัวเครื่องนี่สะดวกสุดแล้วตำแหน่งของปุ่มpower กับปุ่มปรับเสียงใกล้กันแบบนี้ช่วยในการจับภาพหน้าจอได้ง่ายขึ้น

 

ช่องMicro USB และช่องหูฟัง3.5 นั้นอยู่ที่ด้านบนทั้งคู่

 

ฝาหลังเป็นพลาสติดอ่อนมีสติ๊กเกอร์ขาวขุ่นแปะมากันริ้วรอยจนแมวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ใครไม่ชอบก้แกะออกได้กล้องกลังความละเอียด8MP มาพร้อมLED Flash 1 ดวง 

เมื่อแกะฝาหลังออกมาแล้วอย่างแรกที่สะดุดตาเลยก็คือแผ่นสี่เหลี่ยมที่มีขั้วทองแดงซึ่งนั่นคือแผงNFC ครับหายากมากที่สมาร์ทโฟนhouse brand จะมีNFC ติดมาด้วย

แบตเตอรี่ความจุ 3100 มิลลิแอมป์นั้นฝังมากับตัวเครื่อง ไม่ต้องพยายามแงะออกมานะครับ ส่วน SIM ที่ใช้ก็เป็น micro SIM สอดเข้าด้านข้างสามารถใส่ microSDเพิ่มได้บริเวณข้างๆ กล้อง 

พื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องนั้นใช้จอได้เต็มพื้นที่ดีครับขอบข้างบางขอบบนล่างไม่หนาเกินไปหน้าจอIPS 5.5 นิ้วคมชัดความละเอียดHD 1280x720 แต่เม็ดพิกเซลละเอียดเนียนตานอกจากนั้นTRUE SMART 4G 5.5 Enterprise ยังใช้เทคโนโลยีOGS หรือOne Glass Solution ลดความหนาของหน้าจอและตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีมากขึ้นปุ่มนำทางmenu back home แยกออกมาจากหน้าจออยู่ที่ด้านล่างมีไฟเรืองแสงให้

 

ระบบmultitouchรองรับสุงสุด5 จุดเท่าที่ลองทดสอบลากนิ้วไขว้ตัดกันไปมาไม่เจอปัญหากระโดดเด้งขนาดลองใช้งานพร้อมกัน3-4 นิ้วก็ไม่เจอปัญหาการสลับจุดหรือการหลงตำแหน่ง

แอปที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องนั้นมีครบสำหรับขาโซเชียลFacebook, Instagram, LINE , Twitter แบบใส่ซิมเปิดเครื่องต่อเน็ตlogin เล่นได้เลยไม่ต้องไปโหลดเพิ่มนอกจากนั้นใครที่ใช้แอปtruevision ก็มีTrueVision Anywhere มาให้ด้วย 

การใช้งานหน้าโฮมและUI ต่างๆลื่นไหลคล่องตัวมากหน้าจอทัชสกรีนก็ตอบสนองการสัมผัสได้ดีใช้มา4-5 วันยังไม่เจออาการค้างให้เห็นกระตุกเล็กน้อยยังแทบไม่เจอแต่จะมีแผงnotification ที่ดึงลงมาแล้วeffect มันดูช้าไปหน่อยแล้วก็การสลับแถบในหน้าsetting ที่ดูตอบสนองช้าไปนิดนอกนั้นถือว่าฟิน


 

การรองรับคลื่น4G ของTRUE SMART 4G 5.5” Enterprise นั้นถือว่าครอบคลุมมากถึง 100 กว่าประเทศทั่วโลกซึ่งสะดวกกับใครที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวหรือเดินทางไปทำธุรกิจก็ตามเพราะตอนนี้ทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นe-mail การติดต่อสื่อสารหรือข้อมูลสำคัญๆนั้นอยู่ในสมาร์ทโฟนกันหมดเวลาเราเปิดroaming ไปต่างประเทศนั้นหลายคนอาจจะยังไม่ทราบคิดว่าเอามือถือรุ่นไหนไปใช้งานก็ได้แต่ถ้ามือถือของคุณไม่รองรับเครือข่าย3G หรือ4G ของประเทศนั้นๆนี่หมดสิทธิ์นะครับใช้งานไม่ได้แน่ๆหรืออาจจะต้องไปใช้งานเป็น2G เกาะEDGE เป็นเต่าคลานกันไปถ้าเปิดroaming แล้วต้องเปลียนเครื่องเป็นรุ่นอืนที่รองรับ3G / 4G ของประเทศนั้นๆแล้วต้องมานั่งย้ายข้อมูลกันสู้หาเครื่องที่รองรับ3G / 4G แล้วใช้งานได้ครบทั่วโลกน่าจะสะดวกกว่า

 

ผลการทดสอบantutu benchmark ถือว่าทำคะแนนออกมาได้ค่อนข้างดีอยู่ที่ราวๆ18,xxx-20,xxx โดยในส่วนของการทำmultitasking นั้นได้ไปค่อนข้างสูงถึง2641 คะแนนส่วนกราฟิค3D ก็ได้ไปถึง4166 คะแนนใครที่ชอบเล่นเกม3D นั้นลื่นไม่มีปัญหา 

เสียงลำโพงนั้นดังบ้านแตกมากๆทั้งเสียงริงโทนเสียงเพลงและเสียงเวลาเล่นเกมคือผมเปิดไว้ประมาณ50% ก็ดังมากแล้ว 

ส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นก่อนอื่นเลยกล้องหน้าSelfie รุ่นนี้มีความละเอียด5MP แถมยังเป็นเลนส์กว้างเก็บรายละเอียดได้มากคือถ่ายแล้วเห็นวิวด้วยไม่ได้เห็นแค่หน้ามาพร้อมโหมดface beauty สามารถปรับความเนียนความขาวได้ถึง100 ระดับถ่ายแล้วยังมาแต่งหน้าเรียวแต่งตาให้โตขึ้นได้อีก

 

 

ส่วนกล้องหลังความละเอียด8MP f2.0 พร้อมBSI ถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็สว่างได้ใช้เลนส์มุมกว้างเพื่อให้ได้องค์ประกอบภาพสวยๆโหมดถ่ายภาพหลากหลายทั้งHDR , Night Mode, Panorama ก็มีให้เลือกใช้งานครบภาพที่ได้มารายละเอียดนั้นค่อนข้างดีแต่ที่เห็นชัดคือสีสดบางครั้งผมว่ามันก็สดเกินไปอันนี้แล้วแต่คนชอบ 

 

ส่วนโหมดการถ่ายวิดีโอกล้องหลังนั้นได้ความละเอียดสูงสุดคือFull HD 1080p ส่วนกล้องหน้าHD 720p ครับ


หลังจากถือใช้งานต่อเนื่องมา3-4 วันพบว่าแบตเตอรี่ของ 4G 5.5” Enterprise ขนาด3100 มิลลิแอมป์นั้นอึดใช้ได้สามารถใช้งานได้ทะลุวัน(ในการใช้งานปกตินะครับไม่ใช่นั่งเล่นเกมทั้งวันอันนั้นครึ่งวันก็หมดแล้วมีคืนนึงลืมชาร์จแบตเอาไว้ตื่นมาตอนเช้าก็ยังรอดการใช้พลังงานตอนสแตนบายด์ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นนึงที่น่าสนใจเพราะสเปควัสดุและงานประกอบดูดีขึ้นเยอะมากประสบการณ์ใช้งานก็ดีกว่าทุกรุ่นที่true เคยทำมาและน่าจะตอบโจทย์แบบสุดๆสำหรับคนที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆแล้วเจอปัญหาเรื่องของสัญญาณ3G / 4G ที่ไม่รองรับครับ

 


ชี้เป้าโปรออนไลน์แรงๆลดราคามือถือแบบโหดๆจาก WeCard

$
0
0

หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีโปร Galaxy Note 4 สุดแรงจาก WeCard + Lazadaลดราคาเครื่องลงไปจนเหลือพอๆกับเครื่อง Toyota แล้วทีนึง มาเดือนนี้ทั้งสองแบรนด์ยังลุยบู๊ล้างผลาญเรื่องราคากันต่อ โดยทางลาซาด้าเตรียมลดราคาฉลองครบรอบ 3 ปี และทาง WeCard ก็เตรียมลดเพิ่มอีก 15% ให้อีกเหมือนเดิมแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมดว่ามีรุ่นไหนลดราคาแรงๆบ้าง ต้องรอวันที่ 24-26 มีนาคมนี้ก่อน แต่เท่าที่ลองส่องดูก็เริ่มเห็นแววว่าจะมีตัวที่ลดราคาถูกแบบสุดๆ น่าสอยอยู่ไม่น้อย เลยขอนำเอาตัวเด็ดๆที่เจอมาแชร์ให้ได้ทราบกันครับ

ก่อนจะไปดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง มาเช็คเงื่อนไขกันก่อนว่าต้องมีอะไรบ้างเพื่อที่จะได้รับสิทธิ์ลดเพิ่ม 15% จาก WeCard

โปรโมชั่นลดราคาแบบสุดๆนี้เป็นโปรที่ทาง Lazada ร่วมกับ WeCard จัดขึ้นมา ดังนั้นสิ่งที่ต้องมีก็คือบัตร WeCard ที่สามารถสมัครพร้อมใช้งานได้ภายใน 10 นาทีเท่านั้น รายละเอียดวิธีการสมัครยังไงลองไปดูจากข่าวเก่าที่เคยเขียนเอาไว้ละกัน สมัครไม่ยาก แถมเอาไปใช้ต่อได้ด้วยนะ 

ช่องทางการจำหน่ายบัตร WeCard : http://d.truemoney.com/buyWeCard
วิธีการเติมเงินเข้า WeCard http://d.truemoney.com/topupwecard

เมื่อได้รหัสบัตร WeCard มาแล้วก็ให้เอาไปกรอกตอนคิดเงินในเว็บ Lazada โดยให้ใส่โค้ดลดราคาลงไปด้านขวาว่า "LZDWEBDAY"ก็จะได้รับสิทธิ์ลดราคาเพิ่มอีก 15% ทันที หรือจะใส่ "LZDWE400"เพื่อรับส่วนลด 400 บาท ก็ได้ในกรณีที่ของราคาไม่แพงมาก

แต่ต้องระวังว่าจำกัดสิทธิ์สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก ที่ใช้ในระยะเวลาโปรโมชั่นวันที่ 24-26 มีนาคมนี้เท่านั้นนะ สำหรับเงื่อนไขอื่นๆลองไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากในเว็บ Lazada เอานะ http://www.lazada.co.th/wecard/

มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

  • ราคาที่เขียนเอาไว้เป็นราคาลดแล้ว 15% นะครับ
  • ไปดูและคำนวนเองเต็มๆได้ที่ http://www.lazada.co.th/mobiles-tablets-best-deal/เห็นยังเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆอยู่เลย

Galaxy A5 ราคา 9520 บาท

Galaxy A7ราคา 12145.65 บาท

Galaxy Note 4ราคา 18606.5 บาท

Galaxy Grand Primeราคา 6704.8 บาท 

Acer Iconia W3-810ราคา 3136.5 บาท

 Galaxy Note 3ราคา 11857.5 บาท

Asus Zenfone 5 4G LTE ราคา 5346.5 บาท 

  BenQ F5 4G LTE ราคา 4751 บาท

iPhone 6 16GB ราคา 21590 บาท

 iPhone 6 64GB ราคา 24990 บาท

iPhone 6 128GB ราคา 27115 บาท 

Galaxy E7 ราคา 8831.5 บาท

Huawei Honor 3C Lite ราคา 3816.5 บาท

 Acer Liquid Z500ราคา 3731.5 บาท

Galaxy K Zoom ราคา 9171.5 บาท 

  Galaxy Tab 3 Lite Wifi ราคา 2541.5 บาท

 ตรงนี้สำหรับสินค้าที่ไม่ใช่มือถือแต่น่าสนใจละกันนะ

LG Digital TV 32นิ้วราคา 6621.5 บาท


HD กล้องติดรถยนต์ราคา 339.15 บาท

Digital TV 42นิ้วราคา 7607.5 บาท

Samsung LED Digital TV 48นิ้ว ราคา 17671.5

 

Lazada!?! จะไหวเหรอ เลี่ยงดีกว่าป่าว?

อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธาครับ เห็นคนด่ากันอยู่เยอะตาม social network ต่างๆเหมือนกัน แต่ก็เห็นอีกหลายๆคนชมและแนะนำให้ไปสอยของจากเว็บนี้อยู่ เพราะมันถูกเนี่ยแหละ ไม่ขอออกตัวว่ามันดีหรือไม่ดียังไงละกันเดี๋ยวจะโดนด่าเปล่าๆ เอาว่าจากโปร Galaxy Note 4 ครั้งที่แล้วใครได้ลองใช้ไป มาเล่าให้ฟังหน่อยนะ ว่าเวิร์คหรือเปล่า และมีปัญหาอะไรบ้างครับ

 

ถ้าใครไปเจอสินค้าอะไรน่าสนใจที่นอกเหนือจากเราเขียน ก็แจ้งมาได้นะครับ ช่วยกันล่าของถูกกัลลลลล ^^

[เพิ่มเติม]เห็นว่า WeCard ก็มีไปลดเพิ่มอีก 5% ที่ iTruemart.com วันนี้ - 31 มี.ค.58 http://d.truemoney.com/itruemartontop5

และ Central Online Midnight Sale โดยถ้าซื้อครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลด 400 ตั้งแต่วันที่ 25-31 มี.ค. http://d.truemoney.com/wecardcentralmidnight

ลองไปดูกันนะ  

DTAC ออกแพ็คเกจใหม่ Love & Roll ใช้เน็ตไม่หมด ทบไปเดือนหน้าได้ พร้อมโทรฟรีทุกเครือข่าย

$
0
0

DTACใจป้ำ จัดแพ็คเกจใหม่ Love & Rollที่จะทำให้คนที่ชอบการเล่นเน็ตบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้นต้องมีร้อง! เพราะสามารถเล่นเน็ตได้แรง แบบไม่ลดสปีด แถมมีปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้น 2 เท่า สูงสุดเดือนละ 20GB แต่ที่เป็นจุดเด่นที่สุดสำหรับแพ็คเกจก็คือ สามารถที่จะทบอินเตอร์เน็ตที่ใช้ไม่หมดในเดือนนี้ ไปใช้ในเดือนหน้าได้ ตลอดอายุแพ็คเกจ ด้วยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 299 บาทต่อเดือนเท่านั้น แถมโทรฟรีทุกเครือข่ายให้อีก แนะนำมากๆสำหรับคนที่กำลังหาโปรใหม่เลยคร้าบ

สำหรับคนที่สงสัยว่าการทบอินเตอร์เน็ตนี้คืออะไร อธิบายง่ายๆเลยก็คือการที่เอาปริมาณอินเตอร์เน็ตที่เหลือใช้จากเดือนปัจจุบัน ไปใส่เพิ่มในปริมาณอินเตอร์เน็ตที่สามารถใช้ได้ในเดือนถัดไป ยกตัวอย่างเช่น เราสมัครแพ็คเกจที่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 20GB ต่อเดือน แต่ว่าเดือนนี้เราใช้ไป 15GB ยังเหลืออีก 5GB ทาง DTAC ก็เพิ่ม 5GB ที่เหลือจากเดือนนี้ไปเพิ่มให้กับเดือนหน้า ทำให้เราสามารถที่จะใช้อินเตอร์เน็ตได้ถึง 25GB ในเดือนหน้าครับ

แพ็คเกจ Love & Rollนั้นจะมีอยู่หลายราคาให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน ส่วนว่ามีแพคอะไรบ้างก็ดูได้จากตารางด้านล่างได้ และเพิ่มเติมให้พิเศษสำหรับใครที่สมัครแพ็คเกจ Love & Roll Blue Member (ระหว่าง 1,299บาท ถึง 1,999บาท) จะได้รับสิทธิโทรได้ไม่จำกัดตลอด 24ชั่วโมง พร้อมรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุ Life Care กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยสูงสุดถึง 1ล้านบาท และ Device bonus สำหรับเก็บสะสมในแต่ละเดือน เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อเครื่องใหม่ได้สูงสุดถึง 9,600 บาท

Package

Talk(min)

Data(GB)

WiFi

ประกันอุบัติเหตุ

Device Bonus

299

100

1.5

ไม่จำกัด

-

-

399

150

3

ไม่จำกัด

-

-

599

300

5

ไม่จำกัด

-

-

799

400

7

ไม่จำกัด

-

-

999

900

9

ไม่จำกัด

-

-

1299

900*

12

ไม่จำกัด

500,000

100

1499

ไม่จำกัด

15

ไม่จำกัด

500,000

200

1999

ไม่จำกัด

20

ไม่จำกัด

500,000

400

*โทรเบอร์ DTAC ได้ไม่จำกัด


นอกจากนี้ ไม่ต้องกังวลว่าเน็ตเราจะรั่ว แล้วทำให้ต้องเสียเงินเพิ่ม เพราะว่าทาง DTAC ได้จัดมาตรการป้องกันไว้เรียบร้อย เป็นขั้นตอนตามนี้เลยครับ

  1. บริการส่งข้อความ SMS มาแจ้งเตือนการใช้งานเมื่อแพคเกจอินเตอร์เน็ตเหลือ 100MB

  2. เมื่อใช้ครบตามจำนวนแพ็คเกจ อินเตอร์เน็ตจะหยุดอัตโนมัติ

  3. ถ้าต้องการใช้ต่อ สามารถเลือกโปรโมชั่นได้ตามนี้

    1. สมัครแพ็คเกจเสริมอินเตอร์เน็ต 50-150 บาท (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)

    2. ใช้เน็ตฉุกเฉินฟรี (SOS Internet) จำนวน 50MB/ครั้ง/เดือน

    3. ใช้ต่อได้ที่ค่าบริการ 20สตางค์/MB (ใช้ต่อในราคาเน็ตตามจริงสูงสุดได้ไม่เกิน 1,500บาท)

 

หากใครสนใจแพ็คเกจ Love & Rollลูกค้าปัจจุบันสามารถโทรหา Call Center 1678หรือไปกดสมัครผ่านแอพของ Dtac ได้ทันที

dtac

 ถ้ายังไม่ใช่ก็ติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการ DTAC ทุกสาขา ทั้งเปิดเบอร์ใหม่ หรือ ย้ายค่าย และเปลี่ยนจากระบบเติมเงินเป็นรายเดือนเลยครับ


ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้จากเว็บไซต์ของ DTACเองเลยนะ 

เน็ต 4G แรงจุใจกับ แบบ non stop ด้วย Galaxy 4G Package จาก truemove H

$
0
0

หลายๆ คนน่าจะอยากสอย Samsung Galaxy S6 และ S6 edge มือถือเรือธงรุ่นท็อปตัวใหม่ของ Samsung ที่เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมแบบยกเครื่องใหม่หมดทั้งบอดี้โลหะ กล้องหน้าหลังความละเอียดสูงที่ถ่ายภาพได้สวยไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ในดีไซน์เพรียวบางสีสะท้อนแสง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของ Samsung นั้นคงกดจองกันไปเรียบร้อยตั้งแต่วันแรกแล้วแน่ๆ

แน่นอนว่าก็มีบางคนที่ต้องการความคุ้มค่า อยากได้โปรโมชั่นหริอส่วนลดบ้างอะไรบ้าง เพราะวันที่เปิดจองนั่นมาราคาเต็ม ตอนนี้ทาง truemove Hได้เปิดโปรใหม่เอาใจคนชอบ S6 และ S6 edge ที่ต้องการสัมผัสความแรงของทั้งเครื่องและความเร็วของเครือข่าย 4Gด้วย Galaxy 4G Packageที่มาพร้อมส่วนลดค่าบริการ 50% ยาวนานจัดหนัก 12 เดือนเต็มกันไปเลย ซึ่งในแพคนี้หลายคนอาจจะกังวลว่าเล่น 4G จนเน็ตหมดแล้ว จะโดนลดลงมาเป็น 3G หรือเปล่า หรือถ้าจะไปเล่น 4G ต้องเสียเงินเพิ่ม อันนี้บอกเลยว่าไม่ ยังสามารถเกาะใช้งาน 4G ได้อยู่แบบ non stop และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

Galaxy 4G Packageมีการแบ่งโปรออกมาเป็น 4 ระดับตามราคาและความดุในการใช้งาน โดยเริ่มจาก

  • Galaxy 4G Liteรับเน็ตไม่อั้นเต็มสปีด 1.5 GB ในราคาเริ่มต้นที่ 350 บาท โทรฟรีในเครือข่ายได้ตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 โมงเย็น พร้อมค่าโทรอีก 100 นาที
  • Galaxy 4G Plusโปรนี้นอกจากได้เน็ตไม่อั้น 3GB ในราคา 550 บาทแล้ว ยังได้โทรฟรีในเครือข่าย 24 ชั่วโมงเพิ่มมาให้ด้วย
  • Galaxy 4G Extraโปรนี้ให้ใช้ Extra ได้เน็ตไม่อั้น 5GB คู่กับ FUP 384Kbps เรียกว่าถึงเน็ตจะหมดแต่ก็ยังเร็วพอให้ใช้งานได้ไม่ช้าจนปวดใจ ในราคา 750 บาท
  • Galaxy 4G Advanceสำหรับขาโหดเน้นดูคลิป อัพคลิปเอง เน็ตแค่ 4-5GB อาจจะดูไม่พอ จัดไปเลย 10GB ในราคา 950 บาท

ซึ่งทั้ง 4 โปรโมชั่นยังมีจุดเด่นที่คิดค่าโทรตามจริงเป็นวินาที มาให้ในโปรเลย ไม่ต้องไปเปลี่ยนเป็นโปรหรือซื้อแพ็คใหม่ให้ปวดหัว โทรเท่าไหร่ จ่่ายเท่านั้น แถมยังได้ใช้งาน true wifi ฟรีแบบไม่จำกัดทั้ง 4 โปรโมชั่น ไม่ว่าคุณจะเลือกโปรราคาเท่าไหร่ก็ตาม

ในช่วงที่ผ่านมาทาง truemove Hได้ทีการเน้นขยายพื้นที่สัญญาณ 4G ให้ครอบคลุมมากขึ้น บนคลื่นความถี่ 2100 MHz ที่ประมูลมาได้ ในการปักเสาขยายสํญญาณ 4G ออกไป ด้วยช่วงคลื่น 15MHz ทำให้สามารถรองรับผู้ใช้งาน 4G ได้มากและได้รับความเร็วสูงสุด 150Mbps

เน็ตแรงต้องมาพร้อมกับเครื่องที่เร็ว truemove H Galaxy 4G Packageยังจัดส่วนลดค่าบริการ 50% ยาวนาน 12 เดิอน โทรในเครือข่ายฟรีไม่อั้น โทรข้ามเคริอข่ายคิดตามจริงเป็นวินาที สนุกกับ 4G และ 3G แรงเต็มสปีดได้ทุกพื้นที่ครอบคลุมกว่า 80% ทั่วไทย

แต่โปรโมชั่น Galaxy 4G Packageนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะรุ่น Galaxy S6 และ S6 edge เท่านั้น ถ้าใครยังชอบความสามารถของ Note 4 อยากได้จอใหญ่อย่าง Tab S รวมถึง Galaxy รุ่นต่างๆ รวมถึง 12 รุ่นก็สามารถที่จะรับสิทธิ์โปรโมชั่นครึ่งราคาได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับใครที่สนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดเต็มๆ ของ truemove H Galaxy 4G Packege ได้ที่นี่เลยครับ Galaxy 4G Package จาก treumove H

 

Beat Banking ธนาคารดิจิตอล ที่พร้อมให้คุณใช้งาน 24 ชั่วโมง

$
0
0

หลายๆ คนน่าจะเคยได้เห็นโฆษณา ได้อ่านหรือได้รู้จากทาง social กันไปบ้างแล้ว สำหรับ Beat Bankingบริการธนาคารบนมือถือแบบดิจิตอลแบงก์กิ้งรูปแบบใหม่ เกิดจากการร่วมมือของ AISและธนาคาร CIMB THAIได้เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนที่ผ่านมา

แน่นอนว่าแทบทุกคนน่าจะเคยใช้งานบริการ e-banking หรือธนาคารบนมือถือกันมาบ้าง แล้วก็คงก็ทำหน้าสงสัยว่า Beat Bankingมันจะต่างกับพวก e-banking หรือ e-wallet ยังไง มันก็เป็นธนาคารออนไลน์หรือการใช้เงินที่เราเก็บเอาไว้บนอินเตอร์เน็ตเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

ผมเองก็เป็นคนนึงที่สงสัยเลยลองไปสมัครใช้บริการดู เพราะจากที่ศึกษาข้อมูลมานั้นมันสมัครฟรี มีบัตร ATM ให้ นอกจากนั้นยังทำรายการต่างๆ เช่นจ่ายบิลหรือฝากเงินถอนเงินได้สะดวกหลายที่อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีดอกเบี้ยแบบคำนวณให้ทุกๆ เดือนแบบอัตโนมัติ แจ้งทุกรายการผ่าน SMS ฟรี คือเยอะมาก จะให้บอกทั้งหมดคงจะยาว ขอตัดจบเข้าเรื่องขั้นตอนการไปสมัครและเริ่มใช้งานเลยแล้วกัน

ขั้นตอนการสมัคร Beat Bankingนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย ไม่ต้องไปกดบัตรคิวรอที่ธนาคารนานๆ เพราะสามารถสมัครผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ทันทีผ่านทาง www.beatbanking.comหรือ mPAY Application เพียงเข้าไปกรอกข้อมูลต่างๆ ให้เรียบร้อย

แต่แน่นอนว่าอย่างนึงที่คุณต้องมีคือซิมของ AIS ครับ ก็มันเป็นบริการของ AIS ที่ร่วมมือกับ CIMB Thai นี่นา แหะๆ ซึ่งการใช้งาน Beat Bankingและบัญชี Beat Savings นั้นจะถูกรวมเข้ากับบริการ mPAY ของ AIS ให้เราใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

หลังจากกรอกข้อมูลทุกอย่างเสร็จแล้ว เราก็จะได้รหัสอ้างอิงในการเปิดใช้บริการมา เพื่อใช้ในการเอาไปยืนยันที่ AIS Shop ตามสาขาที่กำหนด หรือที่ธนาคาร CIMB Thai เพื่อเปิดบัญชี Beat Savingsอย่างเป็นทางการพร้อมรับบัตร ATM มาใช้งาน

สำหรับใครที่ใช้บริการของ mPAY ซึ่งเป็น e-wallet อยู่แล้วยิ่งแฮปปี้กว่าเดิม เพราะจากเดิมที่เอาเงินไปวางทิ้งไว้ในกระเป๋า mPAY เพื่อจ่ายบิลต่างๆ นั้นมันไม่ได้ตังค์ไม่มีดอกเบี้ย พอเราเปิดบัญชี Beat Savingsปุ้บ เงินในบัญชี mPay ของเราจะถูกโยกเข้าบัญชี Beat Savingsทันทีแบบเราไม่ต้องไปทำอะไรให้ยุ่งยาก แถมตอนนี้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปีถึง 30 มิ.ย. นี้ และยังจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนอีกต่างหาก

แล้วยังงี้บริการของ mPAY จะหายไปหรือเปล่า? ไม่หายครับ หากเราเติมเงินเข้า mPAY ผ่านตู้ ATM หรือที่ไหนก็ตาม เงินจำนวนนั้นก็จะถูกโอนเข้าบัญชี Beat Savingsโดยอัตโนมัติ เรียกว่าฝากเงินเข้าบัญชีได้สะดวกมาก แถมยังฝากเงินได้สบายๆ อีกรวมกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ เพราะศูนย์บริการ mPAY อย่าง เอไอเอส ช็อป , ร้านเทเลวิซ , บิ๊กซี , แฟมิลี่มาร์ท และจุดรับชำระเอ็มเปย์ สเตชั่น เราสามารถใช้เป็นตู้ฝากเงินได้สบายๆ

ส่วนเรื่องการจ่ายบิลต่างๆ นั้นสะดวกสุดๆ เพราะจ่ายได้กว่า 200 รายการ ผ่านทางมือถือตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจ่ายบิลค่าบัตรเครดิต, ค่าน้ำ ค่าไฟ , ค่าโทรศัพท์มือถือ , เติมเงินบริการ mPAY Rabbit เพื่อใช้ในการขึ้นรถไฟฟ้า เป็นต้น และตอนนี้ Beat Banking ก็มีโปรโมชั่นจ่ายบิลฟรี 10 บิลต่อเดือน ถึง 30 มิ.ย. นี้ 

นอกจากนั้นแล้วทุกการเคลื่อนไหวของบัญชีไม่ว่าจะเป็นเงินเล็กน้อยแค่ไหน หรือการคำนวณดอกเบี้ยในแต่ละวัน ก็มีบริการ sms แสดงการเคลื่อนไหวมาบอกตลอดเวลาฟรีๆ ไม่มีค่าธรรมเนียม และสำหรับใครทีอยากไปทำธุรกรรมที่ธนาคารก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องพกสมุดบัญชีให้ลำบาก ใช้เพียงแค่บัตรประชนก็สามารถเดินเข้าธนาคารได้ทันที

นี่แหละครับ จุดเด่นและความแตกต่างของ Beat Banking ธนาคารดิจิทัลดิจิตอลแบงก์กิ้งในรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ชีวิตออนไลน์ พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมงทุกที่ทุกเวลา ตามสโลแกนเขาจริงๆ แบงก์ของคุณ บนจังหวะของคุณ

โอ้วมายก็อด : Gods Rush ศึกมหาเทพตะลุมบอนเวอร์ชั่นภาษาไทยมาแล้ว (Closed Beta)

$
0
0

Gods Rushสุดยอดเกม RPG Battle Arena จากค่าย IGG ที่ตอนนี้ได้รับความนิยมจนติดอันดับท็อปดาวน์โหลดในหลายๆ ประเทศ วันนี้ได้เปิดตัว โอ้วมายก็อด : Gods Rush เวอร์ชั่นภาษาไทยเต็มรูปแบบ (Closed Beta) ให้สาวกชาวไทยโหลดไปมันกันได้แล้ว

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเกม โอ้วมายก็อด : Gods Rush มาก่อน ก็ขออธิบายตัวเกมให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นเกม RPG Battle Arena ซึ่งนำเอาตัวละครเทพกรีกโบราณ ไม่ว่าจะเป็น Zeus, Hades, Poseidon, Athena และเหล่าเทพอื่นๆอีกมากมายกว่า 40 ตัว มาทำเป็นตัวละครฮีโร่สุดน่ารัก จัดทีมต่อสู้ตะลุยดันเจี้ยน อัพเกรดฮีโร่ อาวุธและสกิล เพื่อทำให้ฮีโร่แข็งแกร่งขึ้น และยังจัดทีมต่อสู้ PVP กับเพื่อนๆ ภายในเกม

ระบบของเกม โอ้วมายก็อด : Gods Rush

ระบบการต่อสู้จะเป็นรูปแบบจัดทีม เราสามารถส่งฮีโร่พร้อมกันได้สูงสุด 5 ตัว เป้าหมายคือจะต้องกำจัดศัตรูฝั่งตรงข้ามให้หมด โดยที่ฮีโร่แต่ละตัวจะเดินโจมตีและใช้สกิลเองโดยอัติโนมัติ สิ่งเดียวที่สามารถจะสั่งการได้คือการให้ฮีโร่ใช้สกิลไม้ตาย โดยการกดที่รูปของฮีโร่ที่ต้องการด้านล่างเมื่อฮีโร่เก็บเกจพลังสีฟ้าจนเต็มแล้ว

 

การต่อสู้ (Battle)– ก็คือการตะลุยด่านเนื้อเรื่องหลักของเกมนั้นเอง โดยจะมีระดับอยู่ 2 ระดับก็คือ Normal (ใช้ 6 Energy) และ Elite (ใช้ 12 Energy) สามารถเข้าไปเล่นในความยากระดับธรรมดาได้ไม่จำกัดครั้ง แต่ในระดับยาก Elite stages จะเข้าซ้ำได้ 3 ครั้งต่อวันเท่านั้นโดยมีการให้คะแนนเป็นดาว ด่านไหนที่ผ่านได้ในระดับ 3 ดาว สามารถที่จะเข้าไปเล่นซ้ำ พร้อมกับใช้คำสั่ง อัตโนมัติ เพื่อต่อสู้แบบอัตโนมัติได้เลย เมื่อกดเข้าไปในด่านต่างๆแล้ว ก็จะมีข้อมูลบอกให้ทราบว่าต้องสู้กับศัตรูตัวใดบ้างและมีของอะไรที่จะเป็นรางวัลบ้าง

อารีน่า (Arena) - อารีน่าจะถูกปลดล็อคให้เข้าไปเล่นได้ที่ เลเวล 10 ถ้าคุณรักในการต่อสู้แบบ PVP นี่คือสิ่งที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบจัดอันดับซึ่งเมื่อคุณได้ทำการต่อสู้กับผู้เล่นอื่นๆ ที่มีระดับที่สูงกว่าคุณ ถ้าเอาชนะได้คุณก็จะไปแทนที่ในตำแหน่งนั้นๆ แต่ถึงแม้คุณจะแพ้ในการไปท้าประลองผู้เล่นอื่น คุณก็จะไม่เสียตำแหน่งไปแต่ถ้าคุณแพ้ให้กับผู้เล่นที่เข้ามาท้าประลองกับคุณ คุณจะสลับตำแหน่งกับผู้ที่ชนะคุณไปนั่นเอง ในแต่ละครั้งที่คุณได้ขึ้นไปสู่จุดที่กำหนดในการจัดอันดับ คุณจะได้รับรางวัลเป็น Gems อีกด้วย

ประตูมิติ (Portal) - ประตูมิติจะปลดล็อคที่เลเวล14 ที่จะใช้ 6 Energy ในการเข้า คุณสามารถเข้าสู่ประตูมิติได้วันละ 2 ครั้ง ซึ่งจะปลดล็อคความท้าทายต่างๆในประตูมิติที่เลเวล 14, 30, 50 และ 70 ยิ่งระดับสูงจะยิ่งยากและยิ่งมีรางวัลที่ดีขึ้นไปด้วย จะแยกออกเป็น 2 ส่วนดังนี้

     หอสมุด (Library) - สามารถเข้าต่อสู้ได้ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ การผ่านการต่อสู้ในหอสมุดจะได้รับ ยาEXP สำหรับเพิ่ม EXP ให้แก่ฮีโร่ของคุณ

     วิหาร (Temple) - สามารถเข้าต่อสู้ได้ในวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ การผ่านการต่อสู้ในวิหารจะได้รับไอเทมล้ำค่าเช่น Mithril Piece, Gold Bar และ Rose Gold Statue ซึ่งสามารถแลกเป็นเงินได้จำนวนมาก

ด่านฝ่าฟัน (Gauntlet) - ด่านฝ่าฟันจะปลดล็อคที่ เลเวล 30 ในด่านฝ่าฟันจะมีทั้งหมด 15 ด่าน ในแต่ละด่านจะมีศัตรูที่จัดค่าสถานะที่คำนวนจากค่าพลังของทีมของผู้เล่น ในด่านฟ่าฟันนี้ค่าพลัง HP และ Rage ของฮีโร่จะไม่ฟื้นฟูเมื่อผ่านแต่ละด่าน ซึ่งจะเป็นความท้าทายในการจัดทีมฮีโร่ เพื่อให้เหล่าฮีโร่ใช้ประโยชน์ของทีมให้ได้มากที่สุดเพื่อฝ่าด่านต่างๆไปให้หมด และแน่นอนว่า ยิ่งฝ่าด่านเข้าไปได้ลึกเท่าไหร่ รางวัลที่จะได้ก็จะยิ่งมีค่ามากขึ้น คุณอาจจะได้รับฮีโร่ระดับ 3ดาว หรืออุปกรณ์สีม่วงจากที่นี่เลยก็เป็นได้

บททดสอบ (Trials) - บททดสอบจะปลดล็อคที่เลเวล 25 จะคล้ายๆกับประตูมิติแต่แบ่งการต่อสู้ออกเป็น 3 แบบกับความยาก 4 ระดับ ซึ่งจะปลดล็อคความท้าทายต่างๆในบททดสอบที่เลเวล 25, 40, 55 และ 75 ยิ่งเล่นในระดับยากเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสได้ของระดับสูงมากเท่านั้น การเข้าสู่บททดสอบแต่ละครั้งจะใช้ 6 Energy และสามารถเข้าได้สูงสุด 5 ครั้งต่อวัน 

     โรงเรียน (School) : ในบททดสอบนี้ จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้จากการโจมตีด้วยเวทย์มนต์เท่านั้น เปิดให้เข้าในวันอังคาร, ศุกร์ และอาทิตย์ โดยรางวัลจะเป็นชิ้นส่วนไอเทมสาย Agility ระดับฟ้า

     โรงงาน (Factory) : ในบททดสอบนี้ จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้จากการโจมตีระยะใกล้เท่านั้น เปิดให้เข้าในวันพุธ เสาร์ และอาทิตย์ โดยรางวัลจะเป็นชิ้นส่วนไอเทมสาย Intelligence ระดับฟ้า

     ห้องโถง (Ballroom) : ในบททดสอบนี้ ผู้เล่นจะต้องใช้ฮีโร่เพศหญิงเพื่อเข้าต่อสู้ได้เท่านั้น เปิดให้เข้าในวันจันทร์ พฤหัสบดี และอาทิตย์ โดยรางวัลจะเป็นชิ้นส่วนไอเทมสาย Strength ระดับฟ้า

ด่านไททัน (Titan Ruins) – ด่านไททันเป็นด่านสำหรับต่อสู้กับบอสสุดโหดเพื่อล่าชิ้นส่วนแรร์ไอเทมต่างๆมากมาย ซึ่งบอสจะปรากฏตัวออกมาให้สู้ได้เป็นช่วงเวลาเท่านั้น และสามารถกดดูล่วงหน้าได้ว่าบอสตัวใดจะมาวันไหน และยังมีเงื่อนไขพิเศษเพื่อท้าทายความสามารถของคุณอีกด้วยเช่น บอสบางตัวจะไม่สามารถสร้างความเสียหายโดยการโจมตีแบบปกติได้ และจะมีเฉพาะฮีโร่บางตัวเท่านั้นที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับบอสได้

กิลด์ (Guild) – การเข้าร่วมกิลด์จะทำให้สามารถเข้าร่วมดันเจี้ยนพิเศษเพื่อช่วยกันต่อสู้กับบอสสุดโหดและเมื่อกำจัดได้แล้วสมาชิกทุกคนจะได้รับของรางวัลมากมายและเหรียญกิลด์ นอกจากนั้นยังสามารถเข้าร่วมสงครามกิลด์เพื่อรับแต้มกิลด์ และเหรียญกิลด์ และยิ่งขึ้นสู่อันดับที่สูงขึ้นก็ยิ่งได้ของรางวัลสูงขึ้นด้วยทั้ง Gold และ Gems และยังสามารถนำเหรียญกิลด์ที่ได้มาไปแลกเป็นไอเทมได้ในร้านค้ากิลด์อีกด้วย

อัพเกรด (Enchant) – การอัพเกรดจะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณมีค่าพลังที่มากขึ้น ส่วนประกอบสำคัญในการเสริมพลังคือ อีเทอร์ ซึ่งแปรสภาพมาจากอุปกรณ์หรือ หินพลังงาน (Mana Stones) ยิ่งอุปกรณ์หรือหินที่ใช้แปรสภาพมีระดับสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้อีเทอร์มากขึ้นเท่านั้น อุปกรณ์ที่มีระดับต่างกัน ก็มีระดับที่สามารถเสริมพลังได้ต่างกันไปด้วย การเสริมพลังสามารถทำได้สูงสุดแยกตามระดับของอุปกรณ์ดังนี้ เลเวล 1 สำหรับไอเทมระดับเขียว, เลเวล 3 สำหรับไอเทมระดับฟ้า, และเลเวล 5 สำหรับไอเทมระดับม่วง จำนวนอีเทอร์ที่จะต้องใช้ก็จะเพิ่มตามระดับเลเวล ที่จะทำการเสริมพลังด้วยเช่นกัน

น้ำพุ (Springs)– น้ำพุเป็นสถานที่สำหรับอัญเชิญฮีโร่ และไอเทมต่างๆ ซึ่งในเกมจะมีอยู่ 3แบบ แบ่งเป็นน้ำพุแห่งกามเทพ, น้ำพุแห่งความรัก และ น้ำพุแห่งสววรค์ น้ำพุแห่งกามเทพต้องจ่าย 10,000 Gold เพื่อลุ้นรับ ฮีโร่หรืออุปกรณ์ต่างๆ และมีโอกาสในการสุ่ม 5 ครั้งฟรีๆต่อวัน สามารถใช้ได้ทุกๆ 10 นาที ส่วนน้ำพุแห่งความรักต้องใช้ 288 Gems เพื่อลุ้นรับ ฮีโร่และอุปกรณ์ระดับสูง อีกทั้งจะได้รับสิทธิ์ใช้งานบ่อน้ำของ Aphrodite ได้ฟรี ทุกๆ 48 ชั่วโมง สุดท้าย น้ำพุแห่งสววรค์ต้องใช้ 488 Gems เพื่อลุ้นรับฮีโร่หรือชิ้นส่วนฮีโร่ 1 แบบ จาก 6 แบบ (จะมีการเปลี่ยนทุกวัน)

ความมันแบบเทพๆ กับเกมรวมเหล่ามหาเทพแห่งกรีกพร้อมให้คุณได้ลองเล่นแล้ว ไปโหลด โอ้วมายก็อด : Gods Rushเวอร์ชั่นภาษาไทย กันได้เลยที่ Google Play

 

 

 

 

 

สำหรับใครที่รอเล่นบน iPhone / iPad รอกันอีกนิด คาดว่าจะพร้อมให้ดาวน์โหลดเร็วๆ นี้ อ้อแล้วก็ไปพบกับ โอ้วมายก็อด : Gods Rushสงครามตำนานเทพกรีก ได้ที่งาน Thailand Mobile EXPO 2015 ระว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2558 นี้ ร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมายพร้อมรับไอเท็มพิเศษจากเกม โอ้วมายก็อด : Gods Rushและเกมดังจากค่าย IGG อีกเพียบ

พิเศษ! ดาวน์โหลด โอ้วมายก็อด : Gods Rush วันนี้ แล้วร่วมสนุกกับกิจกรรมในหน้าแฟนเพจ https://www.facebook.com/godsrushth ลุ้นรับ Samsung Galaxy Note 4 ไปเลยฟรี! ของรางวัลดีๆแบบนี้ห้ามพลาด

TrueMove H เปิดแพ็คเกจใหม่ 4G iSmart เล่นเน็ตแบบ Non-Stop

$
0
0

ช่วงนี้ก็เพิ่งผ่านพ้นงาน Thailand Mobile Expo 2015 ไปได้ไม่นาน เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะได้ สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ท ที่รองรับ 4G ติดไม้ติดมือกลับมากันบ้าง และก็อาจจะกำลังมองหาเน็ต 4G ที่เล่นได้แบบรัวๆ ไม่ต้องกลัวเน็ตหมดกันอยู่แน่ๆ เพราะเดียวนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนใช้เน็ตกันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้ทาง TrueMove Hได้เปิดตัว 2 แพ็คเกจใหม่ 4G iSmartและ 4G iNetที่เซียนเน็ตเห็นแล้วถึงกับต้องร้อง เพราะเล่นได้เร็ว แรง แบบ non-stopไม่ต้องกลัวเน็ตหมด แถมยังมีโบนัสที่สามารถเล่นเน็ตได้สูงสุดถึง 20GB เลยทีเดียว เล่นจนติด FUP ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอะไรทั้งสิ้น น่าสนใจมากสำหรับคนที่ชอบเล่นเน็ต ดูหนัง ฟังเพลง โหลดบิท ติดเกมส์ เล่นกันทั้งวันทั้งคืน เล่นกันจนตาแฉะกันไปเลยทีเดียว

โดยแพ็คเกจ 4G iSmartนั้นเหมาะกับผู้ใช้งานที่ใช้ สมาร์ทโฟน เพราะว่าสามารถ โทร และเล่น เน็ต ได้ สำหรับ คนที่เปิดเบอร์ใหม่ เปลี่ยนจากเติมเงินเป็นรายเดือน และ ย้ายค่าย จะได้รับโบนัสเน็ตเพิ่มเป็นเวลา 6 เดือน และได้รับสิทธิ์ในการดู TrueVisions Anywhere นาน 12 เดือน แต่ใครที่เป็นลูกค้า TrueMove H อยู่แล้วเปลี่ยนโปรมาก็...อดโบนัสจ้า

ส่วนค่าบริการก็มีสอยถี่เป็นหลายช่วง ขึ้นอยู่กับการจัดหนักของแต่ละคน ตามนี้เลย

โดยที่โปร 499 และ 699 นั้นเมื่อติด FUP แล้วจะถูกปรับลดความเร็วลงมาเหลือแค่ 128Kbps เท่านั้น ส่วนโปร 899 ไปจนถึง 1,899 จะถูกปรับลดลงมาเหลือ 384Kbps ซึ่งก็ไม่ได้ช้าเว่อร์จนเกินไป ส่วนการโทรก็สามารถโทรได้ทุกเครือข่ายแบบคิดเป็นนาที นอกจากนี้ยังสามารถใช้ truewifi ฟรีได้ไม่จำกัดในทุกโปรอีกด้วย

แต่สำหรับคนที่ซื้อแท็บเล็ทมา หรือ คนที่คิดว่าจะใช้เน็ตแบบอย่างเดียวไม่โทร ก็จะมีแพ็คเกจ 4G iNetอีกตัว ที่จะมีมาให้แค่เน็ต แต่ก็ใช่ว่าจะโทรไม่ได้นะ แค่ต้องเสียตังเพิ่มเท่านั้นเอง

ซึ่งแพ็คเกจ 4G iNetนี้จะได้เน็ตเยอะกว่าในส่วนของ 4G iSmart แต่ว่าได้โบนัสน้อยกว่าแฮะ แต่สูงสุดแล้วก็รวมเป็น 20 GB อยู่ดี โดยจะแบ่งเป็น 4 ช่วงราคาด้วยกัน 499, 699, 899 และ 1,099 บาทต่อเดือน แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคน ส่วนการติด FUP ก็จะเหมือนกับของ 4G iSmart และสามารถใช้ truewifi ฟรีได้ไม่จำกัดทุกโปรเช่นเดียวกัน (699 ติด FUP แล้วจะลดความเร็วลงมาเหลือ 128 Kbps นะครับ) นอกจากนี้ก็สามารถดู TrueVisions Anywhere ได้ 1 ปีเหมือนกันครับ

การใช้งานจริง

มาดูการใช้งานจริงกันบ้างว่าการเล่นเน็ต 4G แบบ non-stopนี่จะผลาญกันได้เร็วขนาดไหน โดยการทดสอบรอบนี้ได้โปร 4G iSmart 1299มาใช้ ซึ่งสามารถโทรได้ 850 นาที และ ใช้เน็ต 4G เต็มสปีดได้ 10GB แถม ได้รับโบนัสอีก 10GB เพราะเป็นเบอร์ใหม่ รวมแล้วก็เป็น 20GB นั่นเอง 

โดยซิมนี้ได้เอามาใส่กับเครื่อง Samsung Galaxy S5 และตั้งแต่เริ่มใส่ซิมมาก็ยังไม่ได้ต่อ Wi-Fi เลยแม้แต่ครั้งเดียว แอปทุกอย่างโหลดผ่าน 4G ทั้งหมด ซึ่งความเร็ว 4G ของ TrueMove H แถวบ้านผม ก็ประมาณนี้ครับ

 

อยากจะบอกว่าเห็นความเร็วแล้ว เน็ตบ้านผมมันสั่นเลยละ เพราะ 4G ของ TrueMove H เร็วกว่าถึง 3 เท่า ผมก็เลยไม่รอช้า เดินไปปิดเน็ตบ้านมันซะเลย โดยการทดสอบแบบ non-stopจะแบ่งเป็น 3 อย่างด้วยกัน YouTube, TrueVisions Anywhereและ Tetheringเปิดทิ้งไว้อย่างละ 1 ชั่วโมงเต็ม ดูสิว่ามันจะดูด data ขนาดไหน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็นนี้แหละครับ

YouTubeนี่ผมดูเป็น 1080p ตลอดเวลา แต่ TrueVisions Anywhereจะเปิดเป็น Medium Quality เพราะว่ามันเลือกได้สูงสุดแค่นั้นเวลาดูผ่าน 4G ส่วนการ Tetheringก็เป็นการใช้งานทั่วไป โดยจะต่อเข้ากับโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียว เล่นเว็บ facebook twitter แต่ไม่ได้ดู YouTube หรือ stream media ใดๆครับ 

YouTube ความละเอียด 1080p

TrueVisons Anywhere ความละเอียด Medium Quality 

แน่นอนว่า การใช้งานของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งส่วนตัวผมแล้ว จะเน้นหนักไปเรื่องของการดู YouTube และเล่น facebook twitter ซะมาก ถ้าดูจาก data ที่ซัดเข้าไปแบบ non-stopแล้วก็คิดว่าคงจะติด FUP ภายใน 1-2 สัปดาห์แน่ๆ 

แต่ต่อให้เล่นหมด 20GB ก็ยังสามารถเล่นต่อได้อีก แค่ถูกลดความเร็วลงมาเป็น 384Kbps ซึ่งถือว่ายังอยู่ความเร็วที่พอรับได้ หรือไม่ก็ไปหา truewifi เล่นฟรีเอาก็ได้ เรียกได้ว่าสามารถเล่นได้แบบ non-stopจริงๆ เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องกลัวเน็ตหมด แต่กลัวแบตหมดแทน ใครสมัครโปรนี้ก็พก powerbank ติดตัวไว้ดีๆละกันนะ

สำหรับแพ็คเกจ 4G iSmartนี่ ผมคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นเน็ตเป็นชีวิตจิตใจ แถม 4G ของ TrueMove H ยังครอบคลุมในหลายพื้นที่ และมีให้เลือกช่วงราคาตามความเหมาะสมของการใช้งานอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเล่นเน็ตได้แบบ non-stopไม่ต้องกลัวหมดกันไปเลย

สำหรับใครที่สนใจ 4G iSmart และ 4G iNet ของ TrueMove H ก็กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์เลยครับ หรือว่าจะโทรหา Call Center 1331 ก็ได้เช่นกัน

 

Preview : พรีวิว Lenovo A7000 สเปคดี ลื่นไหล ในราคาครึ่งหมื่น

$
0
0

ได้เวลาแกะกล่องพรีวิว Lenovo A7000 หนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นสุดคุ้มที่มาพร้อมสเปคเกินราคา เพราะเปิดตัวมาแค่ 5,290 บาท แต่ได้ Android Lollipop พร้อมหน้าจอ HD 5.5 นิ้ว, CPU Octa-core 64-bit 1.7 GHz, RAM 2GB, กล้องหน้า 5MP ใช้งานได้ 2 ซิม รองรับ 3G ทุกเครือข่าย แถมยังเล่น 4G ได้อีกต่างหาก แต่การได้มาเป็นเจ้าของในช่วงนี้ต้องตบตีกันพอสมควรเพราะเปิดขายแบบ flash sale ที่ Lazada เท่านั้น

มีอัพเดทเนื้อหาเรื่องการย้ายข้อมูลไปเขียนบน SD Card นะครับ สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทดสอบสลับหน่วยความจำเป็น SD Card บน Lenovo A7000 ทำได้จริงแค่ไหน?

ซึ่งในรอบแรกนั้นจบไปแล้ว และ flash sale รอบที่สองจะเปิดในวันพฤหัสที่ 28 พฤษภาคมนี้ แน่นอนว่าหลายๆ คนที่สนใจอาจยังตัดสินใจไม่ได้และอยากรู้ว่าในกล่องมันแถมอะไรมาให้บ้าง รวมถึงการใช้งานทั่วไปว่ามันลื่นไหม และคำถามเรื่อง ROM 8GB มันน้อยไปหรือเปล่า เดี๋ยวเราจะมาช่วยตอบให้เท่าที่ตอบได้ครับ

มาไล่เรียงดูสเปคจริงๆ กับสเปคที่เราได้ทดสอบกันก่อน โดยส่วนที่เราทดสอบแล้วจะเขียนเพิ่มเติมเป็นตัวหนังสือสีน้ำเงินนะครับ

สเปค Lenovo A7000

  • Android 5.0 Lollipop
  • หน้าจอ IPS 5.5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280 x 720)
  • หน่วยประมวลผล Mediatek MT6752M (64-bit) Octa-core 1.5 GHz - ทำงานบน 64-bit OS
  • หน่วยประมวลผลกราฟิค ARM Mali760 MP2
  • ROM 8GB - เหลือให้ใช้งาน 3.8GB แต่สามารถเปลี่ยนไปใช้งาน Micro SD แทนได้ 100%
  • รองรับ Micro SD สูงสุด 32GB - ทดลองใส่ micro SD 64GB เข้าไปก็สามารถใช้งานได้
  • RAM 2GB - เปิดเครื่องมาเหลือประมาณ 1.3GB
  • กล้องหลัง 8MP Auto Focus + LED Flash
  • กล้องหน้า 5MP Fixed Focus  
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม - แยกเป็นช่อง 4G/3G และอีกช่องเป็น 2G
  • เครือข่ายที่รองรับ 3G 850, 900, 2100 MHz / 4G LTE 
  • แบตเตอรี่ Li-Po 2,900 mAh (ถอดได้)

ในกล่องมีฟิล์มกันรอยแถมมาให้ด้วย นอกนั้นก็เป็นอุปกรณ์ปกติทั่วไปอย่างหูฟัง, สาย micro USB, หม้อแปลง และคู่มือ 

ส่วนของหม้อแปลงนั้นจ่ายไฟอยู่ที่ 5V 1.5A 

ปุ่มด้านล่างของ Lenovo A7000ยังคงสไตล์และดีไซน์เดิมของ Lenovo เอาไว้ แต่มีการเปลี่ยนให่ปุ่ม Menu เดิม (ซ้ายสุด) ทำงานเป็นปุ่ม Recent Apps แล้ว

ปุ่มกดด้านข้างนั้นเป็นชิ้นเดียวกับฝาหลัง เวลาแกะฝาหลังจะติดออกมาพร้อมกัน ตำแหน่งของปุ่ม power และ ปุ่มลดเสียงอยู่ใกล้กันแบบนี้ผมชอบ เพราะกดจับภาพหน้าจอง่ายดี 

ด้านบนตัวเครื่องมีช่องลำโพงสนทนาและกล้องหน้า Selfie ความละเอียด 5MP มี beauty Mode 7 ระดับ และโหมด Fill Light เติมแสงในที่มืดด้วยความสว่างของจอภาพ จะเลือกสีชมพูหรือสีส้มก็ตามสะดวก

กล้องหลังความละเอียด 8MP มีไฟ LED คู้ให้ใช้งาน ถัดไปด้านขวาที่เห็นเป็นรูๆ คือช่องลำโพงที่เสียงดังและให้มิติเสียงค่อนข้างดีถ้าเทียบกับเครื่องที่มีลำโพงตัวเดียวเหมือนกัน ส่วนนึงต้องยกให้พลังเสียง Dolby Atmos ที่มีมาในเครื่อง A7000 

ช่องเสียบหูฟัง และช่องเสียบสาย micro USB อยู่ที่ด้านบนทั้งคู่ 

แบตเตอรี่ความจุ 2,900 มิลลิแอมป์ใช้งานได้ทั้งวันสำหรับการใช้งานทั่วไปคือ Social และถ่ายรูปมากหน่อย เล่นเกมบ้างอะไรบ้าง จริงๆ มือถือถอดแบตได้ถ้ามีแบตสำรองมาขายด้วยจะฟินมาก เพราะสลับแบตได้ทันที ไม่ต้องเสียบ Power Bank เป็นกระสือในวันที่ใช้หนักๆ 

เรียงช่องจากซ้ายไปขวา มี Micro SD , ช่องซิม 1 ที่รองรับ 4G/3G/2G และช่องซิมสองที่รองรับ 2G ทั้ง 2 ช่องซิมนั้นเป็นช่อง micro SIM นะครับ

ขนาดตัวเครื่องและน้ำหนักนั้นกำลังดี ฝาหลังประกบแน่นเวลาจับหรือบีบไม่มีเสียงก๊อบแก๊บให้ได้ยิน หน้าจอ 5.5 นิ้วความละเอียด HD นั้นเม็ดพิกเซลคมสวยละเอียดเลยทีเดียว ไม่แตกเป็นเม็ดๆ เหมือนบางยี่ห้อ ระบบสัมผัสดี จะแตะปัดหรือถูก็ว่าง่าย ส่วนตัว ROM นั้นทำมาได้ดีเลยทีเดียวลื่นไหล ไม่หน่วง

ฟีเจอร์เคาะจอติดที่ตอนนี้หลายๆ ค่ายมีกัน Lenovo A7000ก็มีด้วย มาในชื่อเรียกว่า Tap To Light 

เปิดเครื่องมาจาก RAM 2GB ก็เหลือให้เราใช้งานประมาณ 1.3GB ก็ถือว่าโอเค แปลว่าระบบกิน RAM ไม่โหดจนเกินไป 

เปิดแอปใช้งานทั่วไปพร้อมเปิดเกม 3D อีกสองเกมอย่าง FTS15 และ Ire ยังมี RAM เหลืออีก 630MB พอให้สลับไปมาระว่างเกมได้ ไม่ต้องโหลดใหม่ 

ลองเล่นเกมฟุตบอลอย่าง FTS15 นี่ระบบสัมผัสถือว่าดีเลย ไม่เจออาการเป๋ของปุ่มควบคุมนักเตะและปุ่มคำสั่ง เพราะบางเครื่องเจอปัญหาเวลาเล่นไปนานๆ พอร้อนแล้วระบบสัมผัสจะเริ่มรวนนิดๆ แต่ A7000 ไม่มีอาการ

พอสลับมาเป็นเกม Action RPG อย่าง Ire ก็พบว่าเวลาโหลดเกมจะนานอยู่สักหน่อย เมื่อเทียบกับเครื่องที่สเปคแรงๆ ตัวท็อปๆ ราคาหลักหมื่นขึ้นไป แต่พอเข้าเกมแล้วก็ลื่น จะมีกระตุกในช่วงแรกๆ ที่เพิ่งโหลดเสร็จนิดหน่อย

เห็นผมลงเกมโหดๆ ไป 2 เกมหลายคนอาจจะคิดว่า ROM 8GB ที่ให้มาคงเต็มไปเป็นที่เรีบร้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ครับ ROM ที่เหลือบนเครื่อง 3.7-3.8 GB นั้นผมแทบไม่ใช้เลย 

เพราะ Lenovo A7000 มันสลับไปใช้งาน SD ให้เป็น default write disk หรือเป็นแหล่งข้อมูลใช้งานหลักได้ คราวนี้จะติดตั้งแอปเล็กใหญ่มาน้อยแค่ไหนก็ไม่มีเต็ม แค่หา micro SD ใหญ่ๆ มาใส่ก็พอ

ผมทดลองใส่ micro SD 32GB เข้าไป แล้วเลือกใช้งานเป็น default write disk จากนั้นก็ทดลองลงเกมแหลก 

เห็นรายชื่อเกมแบบนี้ แน่นอนครับว่าใน ROM 3.8GB มันไม่พอแน่นอน เอาแค่ FIFA + Modern Combat + Gangstar นี่ก็ทะลุ 4GB เข้าไปแล้ว

และนี่คือพื้นที่เกมที่ใช้ไปทั้งหมด 7.9GB ซึ่งทั้งหมดติดตั้งลงบน micro SD โดยตรง เราไม่ต้องไปโยกย้ายอะไรทั้งนั้น แค่สลับ default write disk ไปที่ micro SD แค่นั้น

**อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการย้ายข้อมูลไปเขียนบน microSD ที่ http://droidsans.com/sdcard-default-write-disk-test ไม่ใช่ทุกแอปจะรองรับ และไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดของแอปที่ถูกย้ายไปนะครับ มีข้อแม้อื่นๆ เช่นพวก cache หรือบางแอปอยู่ด้วย**

ซึ่งในสเปคของ Lenovo A7000 นั้นบอกว่ารองรับ micro SD สูงสุดที่ 32GB หลังกล่องก็เขียนกำกับเอาไว้แบบนั้น แต่ผมลองเอาการ์ด 64GB มาเสียบมันก็ใช้งานได้นะครับ ตัวเครื่องมองเห็นและเหลือพื้นที่ให้ใช้งานราวๆ 59GB 

ระบบเสียง Dolby Atmos นั้นใช้งานได้ทั้งลำโพง Speake ที่มากับตัวเครื่อง เท่าทีลองตอนเล่นเกมและฟังเพลงนั้นพอปรับโหมดของเสียงแล้วมิติมันต่างไปแบบฟังรู้ ส่วนเรื่องของพลังเสียง surround นั้นต้องใช้คู่กับหูฟังเท่านั้น

โหมดกล้องถ่ายภาพไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากนัก เน้นการถ่ายง่ายๆ เร็วๆ ซะมากกว่า การโฟกัสในที่แสงสว่างนั้นใช้เวลาประมาณ 1 วินาที ถ้ารอให้มันโฟกัสเองจะช้า สู้แตะให้มันโฟกัสจะไวกว่า แต่ถ้าแสงน้อยก็ใช้เวลาโฟกัสไป 3 วินาทีเลยก็เป็นได้ แต่ชัตเตอร์ทำงานเร็ว กดปุ๊บคือถ่ายทันที

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Lenovo A7000 

นอกจากนั้น Lenovo A7000ยังมีฟีเจอร์ Quick Snap ถ่ายภาพแบบเร่งด่วนที่กดปุ่มลดเสียง 2 ครั้งเพื่อถ่ายภาพได้ทันที ใช้งานได้ในขณะที่หน้าจอดับอยู่

สำหรับใครที่สนใจ Lenovo A7000หละก็ งานนี้ต้องเตรียมตัวแข่งกันคลิกนิดนึง เพราะ Lazada Flash Sale : Lenovo A7000 รอบที่สองนั้นจะเปิดให้เข้าไปสั่งซื้อกันในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้เวลาเที่ยงวันเหมือนเดิมครับ

 


[แนะนำแอพ] Whoscall - ใครโทรมาก็รู้ ขายตรงโทรมาก็เห็น SMS สแปมมาก็บล็อค

$
0
0

 

เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยโดนเบอร์แปลกๆโทรเข้ามาขายประกัน หรือโทรมาเสนอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือหนักไปกว่านั้นโทรมาเป็นเทปโฆษณาอะไรไม่รู้ไร้สาระ กดวางหนึ่งสายก็โทรมาอีกเป็นสิบสาย จะไม่รับสายแปลกๆเลยก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องงาน พลาดการติดต่อสำคัญๆ วันนี้เราเลยจะมานำเสนอแอพที่ชื่อว่า Whoscallที่จะช่วยตรวจสอบเบอร์แปลกๆทั้งหลาย และบอกได้ว่าเป็นใครโทรหรือส่งข้อความมา และถ้าเป็นเบอร์ขายตรงหรือโฆษณากวนใจ ก็จะมีแจ้งเตือนให้ทราบและบล็อคได้ทันที หยุดปัญหาโลกแตกที่หาคนจัดการไม่ได้ในแอพเดียว


มีการแสดงว่าใครโทรมา ไม่ว่าจะเป็น บริษัทห้างร้าน, ธนาคาร, หรือ ร้านอาหาร แม้เราไม่ได้เมมเบอร์ไว้

Whoscallเป็นแอพที่จะช่วยตรวจดูเบอร์ว่า "ใครโทรมา"ตามชื่อแอพเลย เวลามีคนโทรเข้ามา Whoscall จะหยิบเอาเบอร์ไปค้นดูว่าเป็นเบอร์ใคร แล้วแสดงให้ดูเพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจก่อนจะรับสาย ถ้าเป็นคนที่เราเมมเบอร์ไว้แล้วก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นเบอร์ใครไม่รู้โทรเข้ามา แล้วดันไปตรวจพบว่าเป็นเบอร์ที่ชอบโทรไปเสนอขายประกัน ขายตรงเขาไปทั่ว สแปมให้คนอื่นๆต้องรำคาญ Whoscall ก็จะเตือนให้เราก็ Block เบอร์นั้นๆไปได้เลยง่ายๆเพียงปุ่มเดียว

นอกจากนั้น ใน Android เวอร์ชั่นต่ำกว่า 4.4 (4.3 ลงไป) Whoscall จะสามารถ block SMS น่ารำคาญได้อีกด้วย แต่ใน Android เวอร์ชั่นที่สูงกว่านั้นจะทำไม่ได้ เพราะ Google ได้นำ permission บางตัวเกี่ยวกับ SMS ออกไปนั่นเอง น่าเสียดายจริงๆ

 

block เบอร์ใน Whoscall ดีกว่า block ใน contact ยังไง?

จริงอยู่ที่ว่ามือถือบางรุ่นสามารถตั้ง blacklist เบอร์ได้ บล็อคการโทรเข้าของเบอร์ที่เราไม่ต้องการได้ แต่พอมีเบอร์ใหม่โทรเข้ามา เราจะยังไม่ทราบว่าเป็นเบอร์สำคัญหรือเบอร์สแปม เราก็ต้องเสียเวลารับสาย เสียเวลาคุย ไหนจะต้องมาอารมณ์เสียอีก Whoscall สามารถช่วยเราได้โดยการเตือนเราก่อนว่า "ใครโทรมา" บอกทันทีว่าเป็นเบอร์ขายตรง ขายประกัน หรือบริการอะไร พร้อมระบุว่ามีคนกดบล็อคเบอร์นั้นๆไปแล้วกี่คน เมื่อเราทราบแล้วว่าปลายสายเป็นใครก็สามารถกดเลือกว่าจะบล็อคหรือไม่ได้ทันที แล้วครั้งต่อๆไป Whoscall จะ block ให้อัตโนมัติ

Whoscall รู้ได้อย่างไรว่าปลายสายเป็นใคร และมีใครบล็อคบ้าง??

วิธีนี้เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Crowdsourcingพรือพูดง่ายๆ ก็คือให้ทุกคนช่วยๆ กันบอก ว่าเบอร์นี้มันชอบโทรมาขายประกัน เบอร์นี้ชอบโทรมาโฆษณา ทาง Whoscall ก็จะจำเบอร์นั้นๆไว้ แล้วพอเบอร์พวกนี้โทรไปหาคนอื่น มันก็จะช่วย เตือนให้คนอื่นกด block จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองรับสายคุย

 

Feature ต่างๆของ Whoscall

สามารถ Block เบอร์โทรก่อกวน เบอร์โฆษณาทางโทรศัพท์ เบอร์ขายประกัน

การบล็อคเบอร์โทรเข้านี้ เราต้องเพิ่มเบอร์เข้าไปเรื่อยๆด้วยตัวเอง ซึ่งเราจะทราบได้ว่าเบอร์ไหนเป็นเบอร์สแปม โฆษณา ขายตรง จากวิธีแจ้งเตือนตามรายละเอียดในหัวข้อข้างต้น ซึ่งฐานข้อมูลของเบอร์เหล่านี้จะถูกดึงมาจาก Server ของทาง Whoscall และมีการอัพเดทข้อมูลเรื่อยๆผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เนต แต่ว่าเราสามารถโหลดฐานข้อมูลบางส่วนมาเอาไว้ในเครื่องเราก่อนได้ โดยสามารถกดโหลด ได้ที่

ข้อมูลส่วนตัว > การระบุตัวตนผู้โทรแบบรวดเร็ว > ดาวน์โหลด
หรือถ้าใครเปิดใช้งานครั้งแรกจะกดจากหน้าที่แนะนำการใช้งานเลยก็ได้

ทีนี้เราก็ไม่ต้องกลัวว่าถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต ติดFUP โหลดช้า จะใช้งาน Whosall ไม่ได้อีกต่อไป และตัวแอพเองก็จะแสดงผลได้รวดเร็วมากขึ้นแล้วครับ แต่อย่างไรก็ดี แอพ Whoscall จะทำงานได้ดีที่สุดต่อเมื่อมีอินเทอร์เน็ตนะ



หรือถ้าใครอยากจะเพิ่มเบอร์ที่จะ block เองก็สามารถกดได้ที่หน้า Block > กดปุ่มเครื่องหมายบวกสีแดง เราสามารถ block ได้หลายวิธี

  • กรอกเบอร์ที่จะ block เองเลย
  • เลือกจากเบอร์ที่เคยโทรเข้าออก
  • เลือกจากเบอร์ที่เคยส่ง sms มาหา
  • เลือกจาก contact ที่เมมเบอร์ไว้
  • block เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วยเลขเหมือนๆกัน (เช่นใส่ 081234 เบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย 081234 ก็จะโดน block ทั้งหมด)

 

 

Block เบอร์ที่ไม่ได้อยู่ใน Contact

ถ้าเราไม่อยากให้คนนอกโทรเข้ามาหาเราเลย เราสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ได้โดยการไปที่ รายชื่อบล๊อค > บล๊อคเบอร์ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ > กดเปิด > ตกลง เท่านี้คนที่เราไม่ได้เมมเบอร์ไว้ก็จะโทรเข้ามาหาเราไม่ได้ ตรงนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับพ่อแม่ที่ให้มือถือลูกๆใช้เนอะ เบอร์แปลกๆจะได้ไม่โทรเข้ามา

 

 

Block เบอร์จากต่างประเทศ

ใครที่เจอเบอร์แปลกๆจากต่างประเทศโทรเข้ามารบกวนบ่อยๆก็ block เบอร์จากต่างประเทศไปเลย เข้าไปเปิดได้ที่ รายชื่อบล๊อค > บล๊อคเบอร์ต่างประเทศ > กดเปิด

 

 

ใช้ค้นหาเบอร์ได้ว่าเบอร์นี้ของใคร

ถ้าเป็นเบอร์ตามหนังสือพิมพ์ หรือเบอร์ตามกระทู้แปลกๆ เราอยากรู้ว่าเป็นเบอร์ใครก็สามารถ ค้นหาได้ในแอพนี้เลย โดยเข้าไปกดที่เครื่องหมายค้นหาด้านบน แล้วพิมพ์เบอร์ที่ต้องการ แล้วกดปุ่ม ค้นหา Whoscallก็จะโชว์ขึ้นมาให้ดูเลยว่าเบอร์นี้เป็นของใคร ถ้าเป็นห้างร้านหรือบริษัทก็จะแสดงแผนที่ให้ดูด้วย

 

หรือถ้าใครสะดวกใช้ผ่านคอมก็สามารถเข้าไปหาผ่านเว็บ Whoscall.comได้เลย

ช่วยยืนยันเบอร์เมื่อเราโทรออกหาคนไม่รู้จัก

ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเบอร์ที่กำลังจะโทรนี้ โทรไปถูกที่หรือเปล่า Whoscallก็สามารถเพิ่มความมั่นใจให้เราได้อีกชั้นหนึ่ง ด้วยการตรวจสอบว่าเบอร์ที่เรากำลังจะโทรออกไปนั้นเป็นเบอร์ของใครแล้วจะแสดงให้เราเห็นในหน้าโทรศัพท์นั้นเลย ถ้าบังเอิญโทรผิดจะได้รับตัดสายทัน ไม่หน้าแตกซะก่อน

และเมื่อโทรเสร็จแล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นมาแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ เช่น ถ้าเป็นร้านอาหาร เราก็สามารถกดดูแผนที่ได้ หรือจะแชร์ขึ้น Social Network ก็ได้ เวลามีนัดกับเพื่อนที่ร้านอาหาร Whoscallจะช่วยให้สะดวกมากเลยล่ะ ไม่ต้องไปหาแผนที่ ไม่ต้องไปหาชื่อร้านใน Social Network ใหม่ ปุ่มเดียวจบ

 

เมมเบอร์ลง Contact ได้ง่ายๆเมื่อมีคนโทรเข้า

เมื่อมีคนที่เราไม่ได้เมมเบอร์ไว้โทรเข้ามา พอเรากดวางสาย จะมีเมนูเด้งขึ้นมาให้ว่าเราจะเมมเบอร์นี้หรือไม่ ตรงนี้ผมว่ามันสะดวกมากเลย แทนที่เราจะต้องไปกด โทรศัพท์ > บันทึกการโทร > เพิ่มลงในสมุดโทรศัพท์ > สร้างรายชื่อติดต่อใหม่ เราแค่กดปุ่มเดียว พิพม์ชื่อ กดเซฟ จบ ลดขั้นตอนได้เยอะเลย

 

เราสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ได้ที่ ตั้งค่า > ในหัวข้อ หน้าต่างข้อมูลหลังจากการโทร > กดเปิด คนที่ไม่รู้จักโทรเข้า

 

ดูได้ว่าเบอร์ใน contact ของเราเป็นเบอร์ค่ายไหน

ตรงนี้ช่วยได้มาเลยสำหรับคนที่มีโปรโทรค่ายเดียวกันถูกๆหรือโทรฟรีในเครือข่าย เราสามารถกดเข้ามาดูได้ว่าเบอร์คนนี้เป็นเบอร์ค่ายไหน เราจะได้บริหารถูกว่าจะใช้ซิมไหนโทรดี เราสามารถเข้าไปดูได้ที่ ปุ่มจุดๆมุมบนขวา > เลือก ผู้ติดต่อ > กด นำเข้าผู้ติดต่อ

 

ตรงนี้ทาง Whoscallจะไม่เก็บ contact ของเราไว้ที่ server เลย เพราะรายชื่อเบอร์+ค่ายมือถือนี้จะเก็บไว้ในเครื่องของเราเองเท่านั้น

 

Whoscallเป็นแอพที่มีประโยชน์มากๆเลยใช่ไหมล่ะ ต่อไปนี้เราจะได้ไม่มีเบอร์แปลกๆโทรมาขายของ ขายประกัน เสนอเงินกู้ หรือทำให้เรารำคาญอีกต่อไป block ทิ้ง + กด report ให้หมด

ใครอยากจะลองใช้ดูก็สามารถเข้าไปโหลดได้ที่ Play Storeตาม link ข้างล่างนี้นะครับ ใช้ดีไม่ดียังไงลองมาแชร์กันใน comment ได้นะ : )

ปล. ของ iOS และ Windows Phone ก็มีนะ

**ปล. 2 ถ้าใครจะโหลดแล้วงงๆว่าโลโก้ไม่เหมือนเดิมที่เคยใช้ นั่นก็เพราะ Whoscall ได้มีการเปลี่ยนโฉมใหม่ ซึ่งเริ่มจาก Android ก่อนและจะทยอยเปลี่ยนบน iOS และ Windows Phone ต่อไปครับ**


  
 

รีวิว TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 เต็มตา 5 นิ้ว เต็มอารมณ์ลำโพงคู่

$
0
0

ตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ราคาขยับลดลงมาเรื่อยๆ ถ้ามองไปจะเห็นสมาร์ทโฟนราคา 3,000 - 5,000 บาทเต็มตลาดไปหมดจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าตีกรอบให้แคบเข้ามาโดยเลือกรุ่นที่พร้อมใช้งาน 4G LTE ก็จะเหลืออยู่ไม่มาก หนึ่งในนั้นคือ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 ที่เปิดตัวมาในราคา 4,590 บาท และนั่นคือเครื่องที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้ครับ

สเปค TRUE Lenovo 4G LTE 5.0

  • Android 4.4 KitKat VIBE UI 2.0
  • หน้าจอ 5.0 นิ้ว HD 1280 x 720 IPS
  • CPU Qualcomm Snapdragon (MSM8916) 64-bit 1.2 GHz Quad-core
  • ROM 8GB รองรับ MicroSD สูงสุด 32GB
  • RAM 1GB
  • กล้องหลังความละเอียด 8MP
  • กล้องหน้าความละเอียด 2MP
  • ลำโพงคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Digital Plus
  • รองรับ 3G : 850/2100
  • รองรับ 4G LTE : 1800/2100/2600
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : bluetooth, wifi, nfc
  • แบตเตอรี่ 2,300 มิลลิแอมป์

เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยใช้สมาร์ทโฟนที่แปะยี่ห้อ TRUE มาก่อนหน้านี้อาจมีอาการเข็ดและขยาดกันอยู่บ้างเล็กน้อย คือว่ากันตรงๆ หลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้แค่ไปลองจับที่ช็อปก็เพลียแล้ว แต่มาช่วงหลังๆ ดูเหมือนทาง TRUE เองก็พยายามปรับตัว อย่างรุ่นก่อนหน้า TRUE SMART 4G นี่ก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา มารอบนี้ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 ก็ดูดีขึ้น เพราะTruemove H จับมือกับ Lenovo พัฒนาขึ้นมาและนำมาจำหน่ายในบ้านเรา

สำหรับใครที่เป็นขาประจำของ Lenovo น่าจะรู้ๆ กันอยู่ว่าแทบทุกรุ่นที่ Lenovo นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามักจะเป็น 3G 900/2100 ซึ่งมันไม่ค่อยเมคเซนส์เท่าไหร่ คลื่น 900 นั้นไม่มีคนใช้และลงเหลือใช้งานแค่ 2G เท่านั้น พอมาเป็น TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 รุ่นนี้ นอกจากคลื่น 4G LTE ที่รองรับอยู่แล้วด้วยชื่อรุ่น ในภาครับของ 3G นั้นก็ยังเป็น 850/2100 คลื่นที่ประเทศไทยใช้อยู่ทั้งหมด

อุปกรณ์ภายในกล่องนั้นมีสาย micro USB หม้อแปลงสำหรับชาร์จแบต และหูฟังสเตอริโอพร้อมใช้งานเป็น small talk มาให้

ตัวเครื่องและงานประกอบของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นทำออกมาได้โอเคเลย ดูเป้นชิ้นเป็นอันและแข็งแรง หยิบจับขึ้นมาไม่ได้รู้สึกว่ามีอาการกร๊อบแกร๊บ หรือมีส่วนไหนที่ดูบอบบาง

ด้านหน้าของตัวเครื่องให้พื้นที่หน้าจอมาค่อนข้างเต็มคือหยิบมาแล้วดูเต็มตาเพราะพื้นที่บริเวณขอบๆ ไม่หนาและใช้พื้นที่ไม่มาก

ส่วนของจอภาพนั้นสีค่อนข้างสดถ้าเทียบกับจอ IPS HD ทั่วๆ ไป มุมมองของหน้าจอนั้นกว้างอยู่แล้วด้วยเทคโนโลยี IPS แต่สีที่สดนี่แอบแปลกใจ คือมันดูสดมากจนเกือบเหมือนจอ AMOLED ส่วนในเรื่องความสว่างก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะตอนที่ไปถ่ายมานี่ก็แดดเปรี้ยงๆ เที่ยงวันก็ยังเห็นหน้าจอชัด

กล้องหน้าของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นมาพร้อมกับความละเอียด 2MP

ส่วนปุ่มกดด้านล่างสามปุ่มนั้นคนที่เคยใช้ Lenovo น่าจะคุ้นเคยกันดี เรียงจากซ้ายไปขวาคือปุ่ม Menu, Home, Back ซึ่งทั้งสามปุ่มนี้ไม่มีไฟในปุ่มนะครับ เพราะฉะนั้นตอนมืดๆ ก็จะมองไม่เห็น ก็พอจะกะๆ เอาได้

ตัวเครื่องหยิบจับขึ้นมาแล้ว พอลองหมุนไปหมุนมามันให้ความรู้สึกเหมือนรุ่นคลาสสิครุ่นนึงเมื่อนานมาแล้ว นั่นก็คือ Optimus Black โดยเฉพาะส่วนที่ตัดโค้งจากด้านข้างเครื่องไปที่ฝาหลังนี่คล้ายกันเลย ขนาดตัวเครื่องไม่หนาไม่บาง 8.2 มิลลิเมตร จับได้กระชับมือดี น้ำหนัก 128 กรัมสำหรับผมมันค่อนข้างเบา เพราะปกติสมาร์ทโฟนที่ผมใช้งานอยู๋ประจำนั้นหนักกว่านี้

ช่องหูฟัง 3.5 และช่อง micro USB นั้นจะอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่องทั้งคู่

ส่วนทางด้านขวาก็จะเป็นปุ่มปรับเสียง volumne rokr และถัดลงมาเป็นปุ่ม power ผมชอบปุ่มด้านข้างแบบนี้เพราะเวลากดจับภาพหน้าจอหรือ capture screen นั้นค่อนข้างสะดวก ใช้มือเดียวก็ทำได้ (กดปุ่มปรับลดเสียง + ปุ่มเปิดเครื่องพร้อมกัน)

ฝาหลังเป็นผิวดำด้านเรียบไปทั้งแผ่น ด้วยความที่เป็นผิวด้ามันก็จะไม่มีรอยนิ้วมือให้น่ารำคาญ ส่วนผิวสัมผัสมันจะลื่นๆ นิดๆ

ชิ้นส่วนของฝาหลังนั้นหนาและค่อนข้างแข็งนิดนึง ออกแนวถูกขึ้นรูปมาให้เป็นทรงนี้ คือพอจะบิดงอได้บ้าง ทำให้เวลาจะงัดฝาหลังออกจากตัวเครื่องนั้นค่อนข้างยากนิดนึง แต่ด้วยความที่มันแข็งและคงรูปทำให้เวลาประกอบเป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่องแล้วก็ไม่มีอาการโยกหรือกรอบแกรบเช่นกัน

แบตเตอรี่ความจุ 2,300 มิลลิแอมป์เท่าทีได้ลองใช้งานนี่ 1 วันไหวสบายๆ ถ้าไม่ได้เล่นเกมหนักๆ หรือดูคลิปยาวๆ ตกเย็นเหลือแน่นอนครับ แต่ถ้าวันไหนใช้งานหนักๆ ก็มีลุ้นกันแบบแถบแดงอาจจะโผล่มาให้เสียวตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ

TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นรองรับการใช้งานซิมเดียวนะครับ ส่วน SIM ที่ใช้ก็เป็น micro SIM สอดเข้าไปได้เลยตรงๆ ไม่มีระบบสปริงล็อค ส่วนช่อง micro SD ก็จะอยู่เยื้องไปทางด้านซ้ายบน

ส่วนลำโพงคู่ Dolby Digital Plus นั้นอยู่ที่ด้านหลัง ตำแหน่งของมันอยู่บริเวณท้ายเครื่อง ซึ่งพลังเสียงลำโพงคู่นั้นดังจริง แต่ในเมื่อมันอยู่ด้านหลังก็จะไม่ได้ยิงมาที่เราตรงๆ แต่อาศัยการสะท้อน ในกรณีที่เราจับเครื่องแนวนอนดูคลิป เสียงจากลำโพงมันจะสะท้อนมือของเรากลับมาที่ด้านหน้า แต่ถ้าจับมือเดียวบริเวณด้านบนของเครื่องมันก็ไม่สะท้อนนะครับ > <

UI หรือหน้าจอของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นใช้ VIBE UI 2.0 คือจะมีหน้ Home ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามที่เราต้องการจัดวาง หรือตามจำนวนแอปที่เราลงเพิ่มไปเรื่อยๆ ไม่มีส่วนของ App drawer

การใช้งานหน้าโฮมและ UI ต่างๆ ลื่นไหลคล่องตัวมากเหมือถนนกรุงเทพช่วงสงกรานต์ หน้าจอทัชสกรีนก็ตอบสนองการสัมผัสได้ดี ซึ่งตรงนี้ทดสอบแล้วรองรับ Multitouch ได้ 5 จุดสูงสุด จากการทดสอบไขว้นิ้วสลับไปมาก็พบว่าทำได้ดีไม่มีอาการหลงสลับตำแหน่งที่มักเห็นบ่อยๆ ในสมาร์ทโฟนราคาประหยัด

หน่วยความจะในตัวเครื่อง 8GB นั้นเปิดเครื่องมาจริงๆ เหลือพื้นที่ใช้สอยให้เราลงแอปลงเกมได้ประมาณ 3GB เล็กๆ นอกจากนั้นเราก้ต้องไปพึ่ง micro SD การ์ดเอาในการลงเกมใหญ่ๆ ที่บางส่วนจะโหลดลง micro SD โดยอัตโนมัติ

ตัวเครื่องมี RAM มาให้ 1GB หลายคนอาจจะมองว่าน้อยไปหน่อย แต่ถ้าลองเข้าไปดูส่วนของ RAM ที่ใช้งานในระบบนั้นตัวเครื่องและ UI ของ TRUE Lenovo 4G LTE ก็ใช้ RAM ไปไม่มาก จาก 1GB พอเคลียร์แอปทิ้งหมดก็เหลือ RAM พอให้เปิดแอปอยู่ราว 400MB ถือว่าไม่มากไม่น้อยเพราะเอาจริงๆ บางรุ่นที่ใส่ RAM 2GB มาพอเคลียร์แล้วเหลือ RAM ให้ใช้จริงๆ แค่ 500-600MB ก็มี

ลองเปิด antutu benchmark ทดสอบคะแนนของตัวเครื่อง อยู่ที่ราวๆ 20,000 ตะแนน ใกล้เคียงกับคะแนนมาตรฐานของ Zenfone 5

พอเอามาลองทดสอบเปิดเกมเล่นดู ก็พบว่าในช่วงแรกๆ ที่เปิดนั้นจะใช้เวลาโหลดนิดหน่อยเพราะ CPU ตัว Snapdragon 410 นั้นไม่ได้แรงมากนัก รวมถึงช่วงต้นๆ ที่เริ่มเล่นเกมจะเจออาการกระตุกเล็กๆ แต่หลังจากนั้นก็ฉิว

ส่วนของกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8MP นั้นถือว่าไม่มากไม่น้อยไป แต่ที่น้อยคือโหมดการถ่ายภาพมากกว่าที่แทบจะไม่มีลูกเล่นอะไรนอกจากการเลือกโหมดถ่ายภาพปกติ HDR ถ่ายพาโนรามา และถ่ายวิดีโอ สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้นิดๆ หน่อยๆ ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด HD 720p

ส่วนกล้องหน้า Selfie รุ่นนี้มีความละเอียด 2MP เท่าที่ลองก็ถือว่าสว่างและใสกว่ากล้องหน้า 2MP หลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก

ระบบเสียงลำโพงคู่ Dobly Digital Plus นั้นเราสามารถเข้าไปปรับโหมดเสียงต่างๆ ได้เช่นเปลี่ยนเป็นโหมดดูหนัง ฟังเพลง หรือจะปรับอีควอไลเซอร์เองเลยก็ได้ ในนี้จะเป็น EQ 5 แถวพร้อมให้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดระบบเสียงรอบทิศทาง (surround sound) ได้ด้วย

เรืองของสัญญาณโทรศัพท์นั้นถือว่ารับสัญญาณได้ค่อนข้างดี ในบางจุดที่ผมผ่านไปมาแล้วมีบางรุ่นที่เอามาทดสอบมีอาการสวิงหรือคลื่นตก แต่กับ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 รับสัญญาณได้นิ่งกว่า โดยเฉพาะสัญญาณ 4G 

การใช้งานทั่วไปของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นถือว่าสอบผ่านทั้งในเรื่องของตัวเครื่อง งานประกอบและวัสดุที่ไม่ดูก๊องแก๊ง เสียงริงโทน เสียงสนทนาดังทั้งคู่ เสียงลำโพง Dolby Digital Plus ก็ดังอลังการ แม้ลำโพงที่อยู่ด้านหลังเครื่องมันจะดูให้มิติได้ไม่มากเท่าด้านหน้าแต่ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ในราคา 4,590 บาท ถ้ากำเงินมา 5,000 บาท แล้วอยากได้มือถือที่รองรับ 4G แล้วละก็ นี่เป็นอีกรุ่นในตัวเลือกที่คุณต้องไปลองเล่นดู

ช่วงนี้มีโปรโมชั่น เปิดเบอร์ใหม่ลดราคาจาก 4,590 เหลือ 4,090 บาท แล้วก็ยังมีส่วนลดค่าบริการ 50% ให้เล่น 4G แบบ Non-Stop ได้ยาวนาน 12 เดือน

ส่วนใครที่ใช้ระบบเติมเงิน แน่นอนว่ามีโปรโทรฟรีรวม 4,500 บาท และเน็ตฟรีรวม 4.5GB แต่ทั้งนี้ต้องเติมเงินอย่างน้อยเดือนละ 100 บาทนะครับ โดยจะแบ่งให้เดือนละ 300 นาที และ 300MB เป็นเวลา 15 เดือนนั่นเอง

ส่องโปรลดล้างสต๊อก ShopAt7.com

$
0
0

ช่วงนี้จะเห็นร้านของอุปกรณ์ไอทีลดราคากันเพียบ รวมถึง ShopAt7 ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยแปะป้ายแจ้งลดราคาทั้งเว็บสูงสุดถึง 85% ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นว่ามีสินค้าไอที มือถือแอนดรอยด์ กับอุปกรณ์เสริมมากมายก็ถูกจับมาลดราคาล้างสต๊อกไปด้วยกันเลย ถ้าใครกำลังมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ลองเข้าไปดูๆกันได้ เผื่อมีอะไรน่าสนใจจะได้สั่งให้มาส่งฟรีถึง 7-11 ใกล้ๆบ้านได้เลยจ้า

ดูแบบกวาดๆจะเห็นมี Lenovo Vibe Zที่กำลังลดบ้าเลือดอยู่ เหลือแค่ 7,490 บาทเท่านั้น ในงาน Mobile Expo ที่ผ่านมาก็เห็นลงมาต่ำหมื่นแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่านี้ สนใจก็รีบหน่อยนะเพราะสั่งได้ถึงวันนี้เท่านั้น (ไม่ได้อยู่ใน Clearance Sale)

[updated] ตอนนี้เข้าไปกดดูหลังหมดโปร Clearance Sale ราคาปรับขึ้นไปนิดหน่อย เป็น 7,690 บาทนะครับ

- Snapdragon 800 Quad-core 2.2GHz

- RAM 2GB ROM 16GB

- หน้าจอ 5.5" Full HD

- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน

- รองรับ 3G/4G ทุกเครือข่าย

- ฟังวิทยุได้

- Android 4.3

- แบต 3,000 mAh

 

 

 

หรือถ้าเกิดว่าสนใจ Zenfone ก็เห็นเอามาลงราคาที่ 5390 บาทอยู่นะ และมีเคสของ Zenfone 4,5,6 ลดราคาอยู่เพียบ

Asus Zenfone 5

ที่เห็นว่ามีของแปลกๆอยู่หน่อยนึงก็คือเจ้า Laser Pointer ซึ่งใช้ควบคุมเปลี่ยนสไลด์ PowerPoint ได้

ก็ยังมีอีกเยอะเหมือนกัน ยังไงลองเข้าไปดูกันก่อนได้ที่ http://www.shopat7.com/clearance-sale

นี่เป็นรายการบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับมือถือ ตัดมาให้เลือกก่อนกดเข้าไปดูรายละเอียดนะ

รายการราคา
Acer B1-710-83171G00nw(8GB)/MTK8317/1G/8G/72,390.00
Acer Liquid Z5 Grey2,990.00
Adonit JOT PRO990.00
Asus FE170CG RED3,690.00
Asus Zenfone 6 Z25607,290.00
Bluetooth Plantronics Voyager Legend2,990.00
Case Asus Zenfone 5 Smartcover WH590.00
IM-INOTE3(BK)2,990.00
IM-IQ-X-OCTO7,990.00
IM-ISTYLE7.7(WH)[DTV]2,990.00
Imobile-IQ6.2(BK)3,990.00
Kingston DT101G2/64GB790.00
Lenovo A316i BLACK [4GB]2,390.00
Lenovo A516 White / Gray2,990.00
Lenovo s9304,990.00
LG G315,900.00
Samsung Galaxy Note III LTE/N9005/White16,290.00
Samsung Galaxy NoteIII N9000/ Black15,290.00
Samsung Galaxy S Duos S7562/900/WHITE3,990.00
Wireless Ring Pointer990.00 

ถ่ายภาพลอยตัวเบาๆ ลุ้นรับ Wiko Pure 4G ฟรี

$
0
0

Wiko เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Highway Pure 4G ที่มาพร้อมความบางเพียง 5.1 มิลลิเมตร และเบาเพียง 98 กรัม พร้อมหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด HD ขนาด 4.8 นิ้ว และด้วยความบางเบาหวิวขนาดนี้ Wiko เลยจัดกิจกรรมแจกฟรี Wiko Highway Pure 4G 3 เครื่อง ผ่านการประกวดถ่ายภาพลอยตัวเบาๆ แบบ Levitating

<--break->ลอยตัวเบาๆ หรือ Levitatingคือการถ่ายภาพลักษณะที่เหมือนเรากำลังลอยตัวอยู่หรือคล้ายๆ ว่าเหาะเหินเดินอากาศได้ ซึ่งต่างจากการถ่ายรูปแบบกระโดดที่เราชอบถ่ายกันเวลารับปริญญา หรือไปทะเลนะครับ ตัวอย่างภาพถ่ายแบบ ลอยตัวก็ประมาณนี้เลย

 

หรือแบบนี้

 หรือแบบนี้

เป็นยังไงบ้างครับ สำหรับภาพถ่ายลอยตัวเบาๆ จริงๆ มันถ่ายไม่ยากเลย แต่อาจจะต้องกดชัตเตอร์กันหลายรอบหน่อยจะได้ภาพที่สวยๆ ออกมา เพราะท่าทางบางทีมันอาจจะไม่ดูเหมือนลอยสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าใครที่จะไปลุ้นชิงเอา Wiko Highway Pure 4Gก็ต้องถ่ายให้สวยๆ หน่อย เพราะเค้ามีกติกาอยู่ว่า รูปถ่ายที่ส่งเข้ามาที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องถูกใจหรือโดนใจคณะกรรมการเป็นสำคัญ โดยมีเกณฑ์การตัดสิน คือ ความคิดสร้างสรรค์ ความสวยงาม เช่นรูปที่แสงสวย องค์ประกอบดี  และความนิยมของรูป


สเปค Wiko Highway Pure 4G

หน้าจอ : 4.8 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด HD 1280 x 720

ขนาดตัวเครื่อง : สูง 141.9 กว้าง 68.1 บางเพียง 5.1 มิลลิเมตร

Android 4.4.4 KitkKat

หน่วยประมวลผล : Snapdragon 410 MSM8916 Quad Core 1.2 GHz, Cortex-A53

หน่วยประมวลผลกราฟิค : Adreno 306

ROM : 16GB

RAM : 2GB

กล้องหลัง : ความละเอียด 8MP พร้อม LED Flash

กล้องหน้า : ความละเอียด 5MP

Bluetooth 4.0, WiFi b/g/n

มีวิทยุ FM Radio

ใช้งานได้  1 ซิม (Nano SIM)

สีที่มีจำหน่าย : White/Gold; Black/Grey; Black/Gold; Black/Bleen

เครือข่าย 4G LTE 800/1800/2100 MHz

เครือข่าย 3G WCDMA 850/900/2100 MHz

น้ำหนัก : 98 กรัม

แบตเตอรี่ : 2000 mAh Li-Po

ลองฝีกถ่ายกันแล้ว ออกมาสวยงาม ดูล่องลอยฟรุ้งฟริ้งจิงกะเบลแล้วละก็ อย่าลืมไปโพสต์รูปที่ facebook wiko thailand พร้อมกับ tag ให้เรียบร้อย เพื่อลุ้นเป็นผุ้โชคดีได้รับรางวัลเป็น Wiko Highway Pure 4G กันไปเลย

รีวิว True SMART Tab Gen ME แท็บเล็ตราคาเบา โทรเข้าออกได้ เหมาะสำหรับเด็กและผู้เริ่มใช้งาน

$
0
0

True SMART Tab Gen MEแท็บเล็ตราคาเบาๆ โทรเข้าออกได้ รองรับการใช้งาน 2 ซิมในราคา 2,490 บาท มาในขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว เป็นแท็บเล็ตที่ทางทรู เปิดออกมาเจอะตลาดสำหรับคนที่ต้องการใช้งานแท็บเล็ตที่หน้าจอใหญ่ๆ ในราคาไม่แพงแต่ตอบโจทย์การใช้งานเบื้องต้นเช่น Facebook, Line, Youtube รวมถึงเหมาะกับที่จะใช้เป็นแท็บเล็ตสำหรับส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ

ตัวของ True SMART Tab Gen ME นั้นถึงแม้จะมีขนาดหน้าจอ 7 นิ้วแต่ขนาดตัวเครื่องที่ทำออกมานั้นถือว่าไม่ใหญ่ ถือใช้งานมือเดียวได้สบาย สามารถยกขึ้นมาแนบหูโทรได้แบบสมาร์ทโฟน สเปคตัวเครื่องแม้จะไม่ได้แรงมาก (ก็ราคามันแค่ 2,490 บาทหนะนะ) แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานโซเชียล และเล่นเกมเบาๆ มาพร้อมกล้องหน้าหลังครบ

สเปค True SMART Tab Gen ME

  • หน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด WSVGA (1024x600)

  • หน่วยประมวลผล Dual-core 1.3GHz

  • หน่วยความจำภายใน 8GB รองรับ microSD สูงสุด 32GB

  • RAM 512MB

  • กล้องหน้าความละเอียด VGA

  • กล้องหลังความละเอียด 2MP + LED แฟลช

  • มี Bluetooth / Wi-Fi

  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม

  • สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้

  • สามารถใช้งานเป็น 3G Wi-Fi Hotspot ได้

  • แบตเตอรี่ความจุ 2,800 mAh

True SMART Tab Gen MEมีประกันยาวนานถึง 15 เดือน และหากเครื่องมีปัญหาภายใน 30 วัน สามารถไปขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันที ส่วนของแบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริมนั้น ก็รับประกันให้ 7 เดือน

ภายในกล่อง มีตัวเครื่อง True SMART Tab Gen ME, สาย micro USB, หม้อแปลง, หูฟังสมอลทอล์ค, ใบรับประกัน, คู่มือ, ฟิล์มกันรอย, ซิมการ์ดของ True และคูปองจาก Zalora เอาไว้ไปซื้อของมูลค่า 300 บาท

หน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว ด้วยความละเอียด WSVGA นั้นอาจจะไม่คมสักเท่าไหร่ สำหรับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 7 นิ้ว แต่ด้วยความละเอียดระดับนี้ก็ช่วยให้การแสดงผลต่างๆ บนหน้าจอนั้นก็มีขนาดใหญ่ทำให้ดูง่ายและอ่านง่าย เวลาเปิดเวบต่างๆ หรือเปิดแอปตัวหนังสือก็จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย คือถ้าเป็นคนแก่หรือเด็กใช้งานก็ไม่ต้องเพ่งให้เมื่อยตา หรือต้องมาคอยถ่างนิ้วซูมเวลาอ่าน

True SMART Tab Gen MEนั้นรองรับการใช้งาน 2 ซิม  และสามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ โทรออกรับสายได้ด้วยการยกขึ้นมาแนบหูก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องเสียบสมอลทอล์ค หรือ bluetooth เหมือนแท็บเล็ตบางรุ่น

และยังมีเซนเซอร์ปิดหน้าจอในช่วงที่เราเอาขึ้นมาแนบหูใช้งาน บริเวณใกล้ๆ ช่องลำโพงสนทนา ข้างๆ กันมีกล้องหล้าความละเอียด VGA สำหรับเวลาใช้ Skype, Viber หรือ Line Video Call

งานประกอบตัวเครื่องแน่นหนาดี ด้านหลังวัสดุพลาสติกด้าน จับแล้วหนืดๆ ไม่ลื่นหลุดมือง่าย ไม่มีรอยนิ้วมือ กล้องหลังความละเอียด 2MP พร้อม LED แฟลช ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องหูฟังและช่อง micro USB ซึ่งรองรับ USB OTG อ่านพวก flash drive หรือต่ออุปกรณ์เพิ่มได้

ฝาหลังนั้นแกะไม่ได้นะครับ การใส่ซิมจะใช้วิธีแกะช่องด้านบนที่อยู่บริเวณกล้องแทน เมื่อแกะออกมาแล้วจะพบกับช่องใส่ซิม 2 ช่อง (เป็น micro SIM ทั้งคู่) โดยช่องนึงจะมีช่อง microSD วางซ้อนอยู่ด้านบน ช่องซิมแยกเป็นช่อง 3G (850/2100) กับ 2G ชัดเจน

ตำแหน่งของปุ่ม power และปุ่มปรับเสียงอยู่ด้านข้าง ส่วนตัวผมว่ามันอยู่สูงไปนิดนึง ทำให้เวลาจะถือใช้งานนี้ต้องไปจับด้านบนๆ ของตัวเครื่องแล้วจะไม่ค่อยถนัด การจับภาพหน้าจอก็ให้กดปุ่ม power + vol down ค้างไว้

สำหรับแบตเตอรี่ความละเอียด 2,800 มิลลิแอมป์นั้น เท่าที่ลองใช้งานก็อยู่ได้ทั้งวันสบายๆ ในการใช้งานทั่วไปทั้งเล่นแอป โซเชียลต่างๆ และโทรเข้าออกนิดหน่อย ตกเย็นบางวันแบตยังเหลือถึง 50% เลยก็มี แต่อันนี้คือผมไม่ได้เล่นเกมกับดู YouTube เลยนะ

True SMART Tab Gen MEมาพร้อม Android 4.4.2 ที่ UI นั้นแทบจะเป็น Pure Google มีเมนูไทยมาให้ เรียบร้อย นอกจากนั้นยังมีเมนูภาษาอื่นๆ ใน AEC อย่างลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา เผื่อใครอยากจะซื้อไปให้พนักงานใช้ก็สามารถซื้อ Gen ME ไปได้ในราคาไม่แพง

ในตัวเครื่งยังมี GPS แค่เปิด Google Maps ก็พอที่จะใช้นำทางได้ แต่ในตอนแรกจะใช้เวลาจับสัญญาณ GPS นิดหน่อย หากเปิดโหมดความแม่นยำสูงหรือ High Accuracy ก็จะช่วยจับสัญญาณได้เร็วขึ้น

ในส่วนของการใช้งานแอปนั้นไม่มีปัญหา แอปหลักๆ ด้าน social อย่าง LINE, Facebook นั้นมีติดตั้งมาให้ในเครื่องเสร็จสรรพ ให้พร้อมใช้งานตั้งแต่ซื้อมาเลย ส่วนแอปอื่นๆ อย่าง Twitter, Instagram, WeChat, Whatsapp ก็สามารถติดตั้งได้สบายๆ แอปต่างๆ ใน Playstore ลงได้ไม่มีปัญหา

ส่วนเรื่องของเกมนั้นแน่นนอนว่าด้วยสเปคของมันไม่ได้แรงมาก บางเกมที่กราฟิคหนักๆ อาจจะรับไม่ไหว มีวาร์ป มีกระตุก แต่สำหรับเกมเบาๆ ที่นิยมกันนั้นสามารถเล่นได้เพลินๆ

True SMART Tab Gen MEยังติดตั้ง YouTube Kids มาให้ในเครื่องด้วย ซึ่ง YouTube Kids นั้นเป็นแอปพิเศษที่ทาง YouTube คัดกรองมาให้แสดงเนื้อหาที่เกี่ยวกับสื่อการเรียนการสอน หรือเป็นพวกนิทานสำหรับเด็ก ไม่มีเนื้อหาที่มีความรุนแรงหรือภาพลามากอนาจารในนี้แน่นอน เรียกว่าปลอดภัยสำหรับลูกๆ หลานๆ ชัวร์

นอกเหนือไปจากแอปใน Playstore แล้ว ทางทรูยังมีแอปที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแอปความบันเทิงอย่าง TrueVision Anywhere, ความรู้การศึกษาอย่าง True PlookPanya, ซื้อสินค้าออนไลน์ และแอปสำหรับลูกค้า True อีกเพียบ

True SMART Tab Gen MEยังมีโปรโมชั่นจากทรูมูฟ เอช รับโบนัสค่าโทรคืนสูงสุด 2,400 บาท พร้อม เล่นเน็ตฟรี  500 Mbps นาน 12 เดือน ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนแอพพลิเคชั่นทรูปลูกปัญญา , Wikipedia, Communications,Thai Dict, Dharma for you, The Story of Mon & Me, Sudoku Master,Word Search และพิเศษไปว่านั้น 3 เดือนแรก เล่นฟรี LINE, Facebook

รีวิว TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 เต็มตา 5 นิ้ว เต็มอารมณ์ลำโพงคู่

$
0
0

ตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ราคาขยับลดลงมาเรื่อยๆ ถ้ามองไปจะเห็นสมาร์ทโฟนราคา 3,000 - 5,000 บาทเต็มตลาดไปหมดจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าตีกรอบให้แคบเข้ามาโดยเลือกรุ่นที่พร้อมใช้งาน 4G LTE ก็จะเหลืออยู่ไม่มาก หนึ่งในนั้นคือ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 ที่เปิดตัวมาในราคา 4,590 บาท และนั่นคือเครื่องที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้ครับ

สเปค TRUE Lenovo 4G LTE 5.0

  • Android 4.4 KitKat VIBE UI 2.0
  • หน้าจอ 5.0 นิ้ว HD 1280 x 720 IPS
  • CPU Qualcomm Snapdragon (MSM8916) 64-bit 1.2 GHz Quad-core
  • ROM 8GB รองรับ MicroSD สูงสุด 32GB
  • RAM 1GB
  • กล้องหลังความละเอียด 8MP
  • กล้องหน้าความละเอียด 2MP
  • ลำโพงคู่พร้อมระบบเสียง Dolby Digital Plus
  • รองรับ 3G : 850/2100
  • รองรับ 4G LTE : 1800/2100/2600
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : bluetooth, wifi, nfc
  • แบตเตอรี่ 2,300 มิลลิแอมป์

เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยใช้สมาร์ทโฟนที่แปะยี่ห้อ TRUE มาก่อนหน้านี้อาจมีอาการเข็ดและขยาดกันอยู่บ้างเล็กน้อย คือว่ากันตรงๆ หลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้แค่ไปลองจับที่ช็อปก็เพลียแล้ว แต่มาช่วงหลังๆ ดูเหมือนทาง TRUE เองก็พยายามปรับตัว อย่างรุ่นก่อนหน้า TRUE SMART 4G นี่ก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา มารอบนี้ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 ก็ดูดีขึ้น เพราะTruemove H จับมือกับ Lenovo พัฒนาขึ้นมาและนำมาจำหน่ายในบ้านเรา

สำหรับใครที่เป็นขาประจำของ Lenovo น่าจะรู้ๆ กันอยู่ว่าแทบทุกรุ่นที่ Lenovo นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรามักจะเป็น 3G 900/2100 ซึ่งมันไม่ค่อยเมคเซนส์เท่าไหร่ คลื่น 900 นั้นไม่มีคนใช้และลงเหลือใช้งานแค่ 2G เท่านั้น พอมาเป็น TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 รุ่นนี้ นอกจากคลื่น 4G LTE ที่รองรับอยู่แล้วด้วยชื่อรุ่น ในภาครับของ 3G นั้นก็ยังเป็น 850/2100 คลื่นที่ประเทศไทยใช้อยู่ทั้งหมด

อุปกรณ์ภายในกล่องนั้นมีสาย micro USB หม้อแปลงสำหรับชาร์จแบต และหูฟังสเตอริโอพร้อมใช้งานเป็น small talk มาให้

ตัวเครื่องและงานประกอบของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นทำออกมาได้โอเคเลย ดูเป้นชิ้นเป็นอันและแข็งแรง หยิบจับขึ้นมาไม่ได้รู้สึกว่ามีอาการกร๊อบแกร๊บ หรือมีส่วนไหนที่ดูบอบบาง

ด้านหน้าของตัวเครื่องให้พื้นที่หน้าจอมาค่อนข้างเต็มคือหยิบมาแล้วดูเต็มตาเพราะพื้นที่บริเวณขอบๆ ไม่หนาและใช้พื้นที่ไม่มาก

ส่วนของจอภาพนั้นสีค่อนข้างสดถ้าเทียบกับจอ IPS HD ทั่วๆ ไป มุมมองของหน้าจอนั้นกว้างอยู่แล้วด้วยเทคโนโลยี IPS แต่สีที่สดนี่แอบแปลกใจ คือมันดูสดมากจนเกือบเหมือนจอ AMOLED ส่วนในเรื่องความสว่างก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะตอนที่ไปถ่ายมานี่ก็แดดเปรี้ยงๆ เที่ยงวันก็ยังเห็นหน้าจอชัด

กล้องหน้าของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นมาพร้อมกับความละเอียด 2MP

ส่วนปุ่มกดด้านล่างสามปุ่มนั้นคนที่เคยใช้ Lenovo น่าจะคุ้นเคยกันดี เรียงจากซ้ายไปขวาคือปุ่ม Menu, Home, Back ซึ่งทั้งสามปุ่มนี้ไม่มีไฟในปุ่มนะครับ เพราะฉะนั้นตอนมืดๆ ก็จะมองไม่เห็น ก็พอจะกะๆ เอาได้

ตัวเครื่องหยิบจับขึ้นมาแล้ว พอลองหมุนไปหมุนมามันให้ความรู้สึกเหมือนรุ่นคลาสสิครุ่นนึงเมื่อนานมาแล้ว นั่นก็คือ Optimus Black โดยเฉพาะส่วนที่ตัดโค้งจากด้านข้างเครื่องไปที่ฝาหลังนี่คล้ายกันเลย ขนาดตัวเครื่องไม่หนาไม่บาง 8.2 มิลลิเมตร จับได้กระชับมือดี น้ำหนัก 128 กรัมสำหรับผมมันค่อนข้างเบา เพราะปกติสมาร์ทโฟนที่ผมใช้งานอยู๋ประจำนั้นหนักกว่านี้

ช่องหูฟัง 3.5 และช่อง micro USB นั้นจะอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่องทั้งคู่

ส่วนทางด้านขวาก็จะเป็นปุ่มปรับเสียง volumne rokr และถัดลงมาเป็นปุ่ม power ผมชอบปุ่มด้านข้างแบบนี้เพราะเวลากดจับภาพหน้าจอหรือ capture screen นั้นค่อนข้างสะดวก ใช้มือเดียวก็ทำได้ (กดปุ่มปรับลดเสียง + ปุ่มเปิดเครื่องพร้อมกัน)

ฝาหลังเป็นผิวดำด้านเรียบไปทั้งแผ่น ด้วยความที่เป็นผิวด้ามันก็จะไม่มีรอยนิ้วมือให้น่ารำคาญ ส่วนผิวสัมผัสมันจะลื่นๆ นิดๆ

ชิ้นส่วนของฝาหลังนั้นหนาและค่อนข้างแข็งนิดนึง ออกแนวถูกขึ้นรูปมาให้เป็นทรงนี้ คือพอจะบิดงอได้บ้าง ทำให้เวลาจะงัดฝาหลังออกจากตัวเครื่องนั้นค่อนข้างยากนิดนึง แต่ด้วยความที่มันแข็งและคงรูปทำให้เวลาประกอบเป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่องแล้วก็ไม่มีอาการโยกหรือกรอบแกรบเช่นกัน

แบตเตอรี่ความจุ 2,300 มิลลิแอมป์เท่าทีได้ลองใช้งานนี่ 1 วันไหวสบายๆ ถ้าไม่ได้เล่นเกมหนักๆ หรือดูคลิปยาวๆ ตกเย็นเหลือแน่นอนครับ แต่ถ้าวันไหนใช้งานหนักๆ ก็มีลุ้นกันแบบแถบแดงอาจจะโผล่มาให้เสียวตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ

TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นรองรับการใช้งานซิมเดียวนะครับ ส่วน SIM ที่ใช้ก็เป็น micro SIM สอดเข้าไปได้เลยตรงๆ ไม่มีระบบสปริงล็อค ส่วนช่อง micro SD ก็จะอยู่เยื้องไปทางด้านซ้ายบน

ส่วนลำโพงคู่ Dolby Digital Plus นั้นอยู่ที่ด้านหลัง ตำแหน่งของมันอยู่บริเวณท้ายเครื่อง ซึ่งพลังเสียงลำโพงคู่นั้นดังจริง แต่ในเมื่อมันอยู่ด้านหลังก็จะไม่ได้ยิงมาที่เราตรงๆ แต่อาศัยการสะท้อน ในกรณีที่เราจับเครื่องแนวนอนดูคลิป เสียงจากลำโพงมันจะสะท้อนมือของเรากลับมาที่ด้านหน้า แต่ถ้าจับมือเดียวบริเวณด้านบนของเครื่องมันก็ไม่สะท้อนนะครับ > <

UI หรือหน้าจอของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นใช้ VIBE UI 2.0 คือจะมีหน้ Home ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามที่เราต้องการจัดวาง หรือตามจำนวนแอปที่เราลงเพิ่มไปเรื่อยๆ ไม่มีส่วนของ App drawer

การใช้งานหน้าโฮมและ UI ต่างๆ ลื่นไหลคล่องตัวมากเหมือถนนกรุงเทพช่วงสงกรานต์ หน้าจอทัชสกรีนก็ตอบสนองการสัมผัสได้ดี ซึ่งตรงนี้ทดสอบแล้วรองรับ Multitouch ได้ 5 จุดสูงสุด จากการทดสอบไขว้นิ้วสลับไปมาก็พบว่าทำได้ดีไม่มีอาการหลงสลับตำแหน่งที่มักเห็นบ่อยๆ ในสมาร์ทโฟนราคาประหยัด

หน่วยความจะในตัวเครื่อง 8GB นั้นเปิดเครื่องมาจริงๆ เหลือพื้นที่ใช้สอยให้เราลงแอปลงเกมได้ประมาณ 3GB เล็กๆ นอกจากนั้นเราก้ต้องไปพึ่ง micro SD การ์ดเอาในการลงเกมใหญ่ๆ ที่บางส่วนจะโหลดลง micro SD โดยอัตโนมัติ

ตัวเครื่องมี RAM มาให้ 1GB หลายคนอาจจะมองว่าน้อยไปหน่อย แต่ถ้าลองเข้าไปดูส่วนของ RAM ที่ใช้งานในระบบนั้นตัวเครื่องและ UI ของ TRUE Lenovo 4G LTE ก็ใช้ RAM ไปไม่มาก จาก 1GB พอเคลียร์แอปทิ้งหมดก็เหลือ RAM พอให้เปิดแอปอยู่ราว 400MB ถือว่าไม่มากไม่น้อยเพราะเอาจริงๆ บางรุ่นที่ใส่ RAM 2GB มาพอเคลียร์แล้วเหลือ RAM ให้ใช้จริงๆ แค่ 500-600MB ก็มี

ลองเปิด antutu benchmark ทดสอบคะแนนของตัวเครื่อง อยู่ที่ราวๆ 20,000 ตะแนน ใกล้เคียงกับคะแนนมาตรฐานของ Zenfone 5

พอเอามาลองทดสอบเปิดเกมเล่นดู ก็พบว่าในช่วงแรกๆ ที่เปิดนั้นจะใช้เวลาโหลดนิดหน่อยเพราะ CPU ตัว Snapdragon 410 นั้นไม่ได้แรงมากนัก รวมถึงช่วงต้นๆ ที่เริ่มเล่นเกมจะเจออาการกระตุกเล็กๆ แต่หลังจากนั้นก็ฉิว

ส่วนของกล้องถ่ายภาพความละเอียด 8MP นั้นถือว่าไม่มากไม่น้อยไป แต่ที่น้อยคือโหมดการถ่ายภาพมากกว่าที่แทบจะไม่มีลูกเล่นอะไรนอกจากการเลือกโหมดถ่ายภาพปกติ HDR ถ่ายพาโนรามา และถ่ายวิดีโอ สามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้นิดๆ หน่อยๆ ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด HD 720p

ส่วนกล้องหน้า Selfie รุ่นนี้มีความละเอียด 2MP เท่าที่ลองก็ถือว่าสว่างและใสกว่ากล้องหน้า 2MP หลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก

ระบบเสียงลำโพงคู่ Dobly Digital Plus นั้นเราสามารถเข้าไปปรับโหมดเสียงต่างๆ ได้เช่นเปลี่ยนเป็นโหมดดูหนัง ฟังเพลง หรือจะปรับอีควอไลเซอร์เองเลยก็ได้ ในนี้จะเป็น EQ 5 แถวพร้อมให้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดระบบเสียงรอบทิศทาง (surround sound) ได้ด้วย

เรืองของสัญญาณโทรศัพท์นั้นถือว่ารับสัญญาณได้ค่อนข้างดี ในบางจุดที่ผมผ่านไปมาแล้วมีบางรุ่นที่เอามาทดสอบมีอาการสวิงหรือคลื่นตก แต่กับ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 รับสัญญาณได้นิ่งกว่า โดยเฉพาะสัญญาณ 4G 

การใช้งานทั่วไปของ TRUE Lenovo 4G LTE 5.0 นั้นถือว่าสอบผ่านทั้งในเรื่องของตัวเครื่อง งานประกอบและวัสดุที่ไม่ดูก๊องแก๊ง เสียงริงโทน เสียงสนทนาดังทั้งคู่ เสียงลำโพง Dolby Digital Plus ก็ดังอลังการ แม้ลำโพงที่อยู่ด้านหลังเครื่องมันจะดูให้มิติได้ไม่มากเท่าด้านหน้าแต่ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวกับสมาร์ทโฟนที่รองรับ 4G ในราคา 4,590 บาท ถ้ากำเงินมา 5,000 บาท แล้วอยากได้มือถือที่รองรับ 4G แล้วละก็ นี่เป็นอีกรุ่นในตัวเลือกที่คุณต้องไปลองเล่นดู

ช่วงนี้มีโปรโมชั่น เปิดเบอร์ใหม่ลดราคาจาก 4,590 เหลือ 4,090 บาท แล้วก็ยังมีส่วนลดค่าบริการ 50% ให้เล่น 4G แบบ Non-Stop ได้ยาวนาน 12 เดือน

ส่วนใครที่ใช้ระบบเติมเงิน แน่นอนว่ามีโปรโทรฟรีรวม 4,500 บาท และเน็ตฟรีรวม 4.5GB แต่ทั้งนี้ต้องเติมเงินอย่างน้อยเดือนละ 100 บาทนะครับ โดยจะแบ่งให้เดือนละ 300 นาที และ 300MB เป็นเวลา 15 เดือนนั่นเอง

ทดลองจับ Sony Android TV มันมีอะไรดี? น่าซื้อรึเปล่า?

$
0
0

    เปิดตัวกันไปตั้งแต่งาน CES เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในที่สุด Sony Thailandก็เตรียมนำเอาเจ้า Android TVมาขายกันสักที ซึ่งงานนี้ยกพลกันมาหลากรุ่นหลายราคามากมาย แต่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะสงสัยว่า Android TV มันมีอะไรดี? น่าใช้รึเปล่า? แตกต่างจาก Android ปกติอย่างไร? ลงแอปจากใน Play Store ได้มั้ย?เดี๋ยวเรามาหาคำตอบกันครับ

    Sony เรียกว่าเป็นแค่เจ้าเดียวในเหล่า Inter Brand ชื่อดังที่ทำ Android TV เลยก็ว่าได้ เพราะทั้ง Samsung และ LG จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นปล่อยออกมาสักโมเดล ซึ่ง Android TV ที่ทาง Sony เตรียมนำเข้ามาขายในไทยมีทั้งหมด 6 รุ่นใหญ่ แต่ถ้านับแบบซอยย่อยขนาดหน้าจอด้วยจะมีอยู่รวมถึง 10 รุ่น

    • Flagship - X9400C (75”), X9300C (65”)
    • Ultra Slim 4K - X9000C (55”, 65”)
    • Entry 4K - X8500C (55”), X8300C (43”,49”)
    • Android TV - W800C (43”, 50”, 55”)

    ส่วนตัวที่เป็น Full Internet และ Simple Internet จะไม่ใช่ Android TV นะครับ

    ซึ่งตัวที่เราได้มาลองเล่นกันวันนี้จะเป็นรุ่น Android TV W800C ขนาดจอ 50” ซึ่งเพิ่งเปิดราคากันไปไม่นาน ที่ 34,990 บาท มีใส่เทคโนโลยีอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็น X-reality pro, X-protection pro, Motionflow XR 800Hz, DSEE ซึ่งมันมีดีอะไรอย่างไร ลองไปหาอ่านเอาจากเว็บของ Sony เอาละกันครับ วันนี้เราจะมาลองกันหลักๆในเรื่องฟีเจอร์เท่านั้น

    เว็ปหลักของ W800C : http://www.sony.co.th/product/kdl-50w800c


เทคโนโลยีด้านภาพและเสียงมากมายหลายสิ่งที่ยัดใส่เข้ามาให้ใน W800C 

 

    เรามาเริ่มจากการส่องสเปคของเจ้า Android TV เครื่องนี้กันก่อนเลยดีกว่า

  • Model : KDL-50W800C
  • Device Type : Android TV 
  • Android Version : 5.0.2 (32-bit)
  • CPU : SoC MediaTek MT5890
  • GPU : Mali-T624 (OpenGL ES 3.1 Supported)
  • RAM : 2GB
  • Storage : 8.363GB
  • Display : 
    • Screen Size : 50” 
    • Resolution : Full HD 1920x1080 px
    • Density : ~44.289 DPI
  • Connections
    • USB OTG
    • WiFi Direct
    • Bluetooth (BLE Supported)
    • Microphone
    • Ethernet
    • WiFi
    • Miracast (Screen Mirroring)
    • Google Cast (Cast Screen)
  • Sensor : Light Sensor
  • อื่นๆ
    • รองรับ Analog/Digital TV
    • รองรับการแสดงผล 3D
    • ClearAudio+
    • X-Reality™ PRO
    • DVB-T/T2 (Built-in Digital TV Tuner)
    • รองรับการเล่นไฟล์ผ่านช่อง USB

    จะเห็นว่ารุ่นนี้ใช้ชิป MediaTek แต่เป็นเบอร์ 5890 ที่ไม่คุ้นหูกันเลย เพราะว่าชิปเบอร์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานสำหรับ Digital TV โดยเฉพาะ ไม่ได้นำไปใช้งานบนสมาร์ทโฟนหรือแทบเลต

 

Benchmark

    *เราทำการทดสอบนี้หลัง restart เครื่องเพื่อให้ได้ความสามารถที่แท้จริงของตัว CPU แต่กรณีมีการใช้งานไปนานๆ โหลดอะไรหนักๆ แล้วทำการเทสต์ AnTuTu หรือ 3D Mark อีกครั้ง คะแนนที่ได้อาจจะตกลงไป 10-30%

 

    AnTuTu Benchmark : 23,620 คะแนน 

 

    3DMark - Ice Storm Extremeได้ 3,049 คะแนน

 

    3DMark - Ice Storm Unlimitedได้ 5,310 คะแนน

 

    Port ที่มีมาให้

   

    สรุป Interface เชื่อมต่อในเครื่อง Sony Android TV (KDL-50W800C)

    • HDMI x4
    • HDMI Audio In x1
    • USB (5V500mA) x2
    • Video in x2
    • Audio Out x1
    • Component In x1
    • Digital Audio Out x1
    • LAN x1
    • Cable / Antenna (ต่อ digital TV) x1

    รวมๆแล้วก็ถือว่ามีอยู่เยอะและครบครันใช้ได้สำหรับผมที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ต่อพ่วงกับทีวีอะไรมากมาย

    เอาล่ะเกริ่นนำกันมามากมายละ เดี๋ยวเรามาเริ่มเรื่องของ Android TV กันจริงๆซักทีดีกว่า

 

Android TV มันมีอะไรดี? แตกต่างจาก Android ปกติอย่างไร? น่าใช้รึเปล่า?

    ถ้าคุณคิดว่า Android TV มันจะมีหน้าตาเหมือนบนมือถือหรือแท็บเลตที่ใช้อยู่ล่ะก็ บอกเลยว่าคิดผิด จุดเด่นของมันเลยคือหน้าตา UI และ UX ที่ทำขึ้นมาเพื่อทีวีโดยเฉพาะเนี่ยแหละ เพราะการใช้งานทีวีหลักๆเลยก็คือการดู ไม่ใช่เลื่อน ลาก หรือป้อนคำสั่งอะไรมากมาย และที่สำคัญคือสามารถใช้งานผ่านรีโมทคอนโทรลได้แบบไม่ยากเย็น


UI ปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมด้วยรีโมทโดยเฉพาะ

    จุดเด่นอื่นๆนอกเหนือจากหน้าตาที่เปลี่ยนไปก็มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆของเราไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือแท็บเลตได้อย่างลงตัว เช่น กำลังดูคลิปอะไรบน YouTube หรือดูภาพถ่ายที่เพิ่งไปเที่ยวมา ก็สามารถสั่งให้มันขึ้นไปแสดงบนหน้าจอได้ทันทีผ่านความสามารถ Google Cast

เรียกคลิปที่ต้องการดูขึ้นมา แล้วกดปุ่ม Cast ให้นำขึ้นไปแสดงภาพบนทีวีได้ทันที หลังจากนั้นบนมือถือเราจะสลับแอปไปเล่นเฟซบุ๊ค หรือแชทต่อก็ทำได้ทันที (ความสามารถเดียวกับ ChromeCast)

     

    อีกความสามารถที่พูดถึงกันคือเรื่อง Voice Command ไม่ต้องมาคอยนั่งกดพิมพ์กันอีกต่อไป ซึ่งปกติจะมีการใส่ไมค์ไว้ที่รีโมท ให้เราพูดสั่งงานได้เลย แต่ว่าในตัวที่ได้ทดสอบมานี้ ยังเป็นเพียงรีโมทธรรมดาเท่านั้น 


ไม่มี voice command หรือ touch pad มาในรีโมทด้วย

 

    Play Storeก็เป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Android แล้วไม่สามารถขาดไปได้ และเพียงมีเจ้านี้ก็จะเปิดความสามารถต่างๆที่ทำให้มันเหนือกว่า SmartTV ทั่วไปแล้ว ทั้งแอปใช้งานทั่วไป แอปเพื่อความบันเทิง ดูหนังฟังเพลงต่างๆ รวมถึงเกมส์อีกมากมาย 

 

แอปใน Play Store มีให้เลือกเหมือนๆกับบนมือถือและแท็บเลต?

    ไม่ใช่ทุกแอปที่จะถูกนำมาใส่รวมเอาไว้ใน Play Store ของ Android แอปที่มาลงได้จะต้องเป็นแอปที่นักพัฒนา ปรับแต่งการใช้งาน UI/UX ทำให้รองรับกับ Android TV เท่านั้น (เรียกว่า Leanback) ถึงจะดาวน์โหลดจาก Play Store มาติดตั้งได้ 

    สำหรับพ่อแม่ที่กลัวว่าถ้าล็อกอิน Google Account ทิ้งไว้ แล้วลูกๆสุดน่ารักจะมากดซื้อแอปเล่น ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะว่าบน Android TV ก็มีการถามรหัสผ่านก่อนจะจ่ายเงินเหมือนกัน


ตอนสั่งซื้อจะดูเหมือนปกติ แต่จริงๆเราสามารถตั้งค่าให้ใส่พาสก่อนตกลงได้


เวลาพิมพ์พาสเวิร์ดผ่านรีโมทจะเป็นอะไรที่แย่มาก เพราะเราซ่อนไม่ได้เลย แนะนำพิมพ์ผ่านแอปจะดีกว่ามาก


หลังการซื้อจะสามารถตั้งค่าได้ว่าผู้ซื้อต้องใส่พาสเวิร์ดใหม่หรือไม่ได้ทันที
 

 

    อย่างไรก็ดี พวกเรายังสามารถเอา apk มายัดได้เหมือนเดิม แต่ก็จะพบว่ามันแสดงผลได้ไม่สมบูรณ์ หรือไม่สามารถควบคุมได้  และแอปเหล่านี้จะไม่ถูกโชว์ขึ้นมาในหน้า Home ของ Android TV อีกด้วย

 


หน้าจอจะไม่แสดงผลแนวตั้ง และบางครั้งจะไม่สามารถใช้รีโมทกดได้
 

 

    เกม เพลง หนัง ที่เราเคยซื้อเอาไว้บนมือถือ เมื่อเรา sign-in ด้วย account เดียวกัน ก็สามารถโหลดมาดูหรือฟังผ่านทีวีได้เลยทันที

    หนังเรื่อง Shaun the Sheep: The Big Chase เป็นเรื่องที่ผมซื้อเอาไว้บนเครื่องสมาร์ทโฟน เมื่อนำเอา account เดียวกันมา sign-in ก็จะสามารถเล่นหนังเรื่องนี้ได้เลยเช่นกัน แบบไม่มีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สามารถพิมพ์ค้นหาหนังที่ต้องการ หรือหาเอาจากรายการหนังที่จัดเอาไว้เป็นหมวดหมู่ก็ได้

มีหมวดเช่าหนังราคาต่ำกว่า 100 บาทให้เลือกดูด้วย

หนังที่เช่าหรือซื้อมาดูจะมีตัวเลือก Subtitle เปลี่ยนภาษาได้มากมาย

 

Quick remote:TV SideView Sony

    จากข้างต้นที่บอกว่ารีโมทที่ให้มากับเครื่องนี้เป็นแบบธรรมดา ไม่สามารถใช้เป็น TouchPad หรือสั่งงานด้วยเสียงได้นั้น เราสามารถไปโหลดแอปที่จะเปลี่ยนมือถือเรากลายเป็นรีโมทที่ทำงานได้ทุกอย่างครบทันที


เลือกหมวดหมู่การบังคับได้ทันที สามารถใช้เป็น mouse cursor ลากก็ได้ หรือจะเลือกเปิดแอปที่ต้องการทันที

    เมื่อเราพิมพ์พาสเวิร์ดผ่านแอปนี้ จะมีความปลอดภัยมากกว่า เพราะจะไม่แสดงข้อมูลบนหน้าจอขึ้นมา แต่เป็นการส่งข้อความทั้งหมดเข้าไปในคราวเดียว

 

สามารถไปโหลดได้เลยที่

 

ดูทีวีดิจิตอลได้ เพียงแค่เสียบเสาสัญญาณเข้าไป

    สำหรับคนที่ชอบดูรายการทีวี เจ้า Sony Android TV W800C ก็จะมี Digital Tuner มาให้ภายในตัว แค่ไปซื้อเสารับสัญญาณมาเสียบต่อก็สามารถดูรายการโทรทัศน์ได้เลย

ต่อเสาสัญญาณ Digital TV ใช้ภายในอาคาร ซื้อมาจากโลตัส ชิ้นละ 390 บาท หน้าตาดูดี วางกับเจ้า Sony Android TV แล้วเข้ากันดีอยู่ สามารถยืดหดเสาได้ สัญญาณชัดแจ๋ว Wink

เอามาดูช่อง HD ได้ภาพคมพอสมควรเลย สามารถเลือกภาษาที่ต้องการเล่นได้ทันที 
และถ้าช่องไหนมีทำ Subtitle มาให้เลือกได้ก็สั่งเปิดได้ด้วย

ดู TV Guide หารายการที่ต้องการดูได้ตามเวลาที่ต้องการ แต่ว่าบางช่องจนป่านนี้ก็ยังไม่ใส่รายละเอียดลงไป

 

ตาไม่ว่างดู ก็เปิดเพลงฟังได้ชิวๆ

    ถัดมาไปต่อกันที่เรื่องฟังเพลงหน่อย เพราะทีวีเครื่องนี้ทางโซนี่เค้าบอกมาว่าเสียงดีนะฮับ 

ในเครื่องมีแอป Play Music และ Music ของ Sony เอง

    ถ้าใครคิดว่าเปิดทีวีฟังเพลงแล้วจะเปลืองไฟ ก็สามารถปิดหน้าจอลงฟังแต่เพลงได้นะ กด Option บนรีโมตแล้วเลือก Picture Off ได้เลย

 

ทดลองเล่นเกมส์ผ่าน Android TV

หน้า Home จะมีการจัดหมวดหมู่รวมเกมส์มาให้เลือกกันได้ง่ายๆ

เล่น Crossy Road บนจอใหญ่ๆภาพก็ยังน่ารัก

หรือจะจับเอา Minion มาวิ่งกันเพลินๆก็ได้

    มีเกมส์ให้เลือกเล่นมากมายหลายประเภท ตั้งแต่แอคชั่นไปยันเกม RPG 

    และการควบคุมของแต่ละเกมก็จะมีทั้งการใช้รีโมตทีวีควบคุมตัวละครในเกมต่อจอยเกมผ่านบลูทูธหรือ USB ก็มี ซึ่งขึ้นอยู่กับเกมนั้นๆว่ารองรับหรือไม่ แต่เกมส่วนใหญ่จะรองรับรีโมตอยู่แล้ว 

    รีโมตของ Sony ตัวนี้ ปุ่มเลข 0 - 9 ใช้แทนการกดปุ่มต่างๆบนจอยเกมได้ด้วยนะ

    แต่อย่างไรก็ดีประสบการณ์เล่นเกมส์ผ่าน Sony Android TV จะยังไม่ถึงกับสมบูรณ์มากนัก เพราะว่าเจอ กราฟิคหนักๆเข้าไปก็มีกระตุกๆหน่วงๆอยู่พอสมควร ^^”

 

บริหารจัดการไฟล์ผ่าน File Explorer ต่างๆได้ทันที

    และนอกจากการต่อจอยแล้ว ยังสามารถต่อเมาส์ต่อคีย์บอร์ดผ่านบลูทูธหรือสาย USB ได้เหมือนแอนดรอยด์ทั่วๆไปเลย หรือจะต่อแฟลชไดร์ฟ ต่อฮาร์ดดิสก์ก็ทำได้ทันทีเช่นกัน แต่เวลาจะเปิดไฟล์ก็อย่าลืมโหลด ES File Explorer มาลงก่อนนะ (สามารถดาวน์โหลดจาก Play Store ได้เลย) เพราะในเครื่องไม่มี File Explorer ให้ใช้งาน

 

Photo Sharing Plus ทีเด็ดของ Sony Android TV

    และสุดท้าย อันนี้เรียกว่าเป็นทีเด็ดของเจ้า Android TV ตัวนี้ที่ทำให้ผมว้าวที่สุดกับแอป Photo Sharing Plusด้วยความสามารถที่ทำให้เราสามารถแชร์ภาพขึ้นทีวีได้อย่างง่ายโคตรๆ และสามารถแชร์ได้พร้อมๆกันกับเพื่อนๆได้ทันทีถึง 10 คน

 

วิธีการใช้งาน

    เข้าแอป Photo Sharing Plusจะมีให้เลือกตั้งค่า

    ให้เครื่องที่ต้องการจะแชร์ขึ้นทีวี เชื่อมต่อเข้าไปยัง WiFi ที่ปล่อยมาโดย Sony Android TV โดยใส่ password ตามที่ขึ้นมาบนหน้าจอ

 

    แล้วหน้าจอทีวีจะแสดงหมายเลขไอพีของตัวทีวีเพื่อให้เปิดบนเว็บบราวเซอร์

 

    เมื่อเปิดหน้าเว็ปดังกล่าวขึ้นมาก็จะสามารถส่งไฟล์รูปหรือไฟล์วีดีโอขึ้นไปแสดงบนหน้าจอเพื่อแชร์ให้กับเครื่องอื่นๆได้ โดยที่เครื่องอื่นๆสามารถกดเซฟไฟล์นั้นๆได้ทันทีบนเครื่องของตัวเอง

 

    โดยการรับส่งข้อมูลจะอยู่ในตัวเครื่อง Sony Android TV เท่านั้น ไม่ได้ส่งขึ้นอินเตอร์เน็ต จึงทำให้การรับส่งไฟล์ทำได้ไวมาก และรองรับทั้ง Android และ iOS (WP ก็น่าจะได้นะ เพราะไม่ต้องใช้แอป)

สรุป

ข้อดี

  • มี Digital Tuner ในตัว ดูทีวีได้ทั้งแบบ Analog และ Digital
  • สามารถโหลดแอพต่างๆได้มากมาย เกมส์ก็มีเพียบ
  • สั่งให้เล่น YouTube ผ่านมือถือได้ทันที
  • เช่า-ซื้อ หนังที่ต้องการผ่าน Play Store ได้เลย
  • แชร์ภาพให้กันและกันได้อย่างสะดวกโคตรๆผ่าน Photo Sharing Plus

 

ปัญหาที่พบ 

  • ยังทำงาน Multitask ได้ไม่ดีนัก
  • เล่นเกมส์หนักๆแรงๆได้ไม่จุใจ
  • จัดการแรมได้ไม่ดี พบอาการหน่วงเป็นพักๆ ไม่มีปุ่มให้ Restart
  • เข้าแอปแล้วมักโดนแจ้งว่ายังไม่ได้ต่อเน็ตแล้วต้องเข้าใหม่


 

จะซื้อหรือไม่ซื้อดี

    จนถึงตอนนี้ ทางโซนี่ก็ได้เปิดราคาของเจ้า Android TV มาเรียบร้อย โดยในซีรีย์สนี้จะมีให้เลือก 3 ขนาดหน้าจอ คือ  

  • KDL-43W800C หน้าจอขนาด 43 นิ้ว ราคา 26,490 บาท
  • KDL-50W800C หน้าจอขนาด 50 นิ้ว ราคา 34,990 บาท
  • KDL-55W800C หน้าจอขนาด 55 นิ้ว ราคา 42,990 บาท

    ข้อดีของเจ้านี่ก็มีมากมาย พวกเราเล่นกันแล้วก็ชอบใจอยู่ ส่วนปัญหาก็มีตามที่ว่าไป ถ้าจะสรุปสั้นๆเลยก็ต้องบอกว่าถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ Android เป็นหลักในบริการด้านความบันเทิง และต้องการซื้อตอนนี้เดี๋ยวนี้ Sony Android TV ตัวนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอันนึงเลยครับ

    มีอะไรสอบถามเพิ่มเติม มาเม้นกันได้ด้านล่างเลยครับ Laughing out loud

 


[รีวิว] Wiko Highway Pure 4G เครื่องสวยเบาบาง ใช้งานลื่นไหล

$
0
0

เมื่อก่อนถ้าจะซื้อมือถือสักเครื่องคงต้องเก็บเงินหยอดกระปุกกันนานกว่าจะได้รุ่นที่ใช่ใช้แล้วตอบโจทย์ได้ดี แต่เดี๋ยวนี้การจะซื้อสมาร์ทโฟนถูกใจใช้สักเครื่องไม่ต้องเก็บตังกันนานแล้วค่ะ เพราะว่าหลายๆ ค่ายเขาผลิตมือถือสเปคดีราคาไม่ข้ามหมื่นมาให้ได้เลือกกันหลากหลายรุ่น อย่างรุ่นที่หยิบมารีวิววันนี้ถือเป็นหนึ่งในนั้นกับ HIGHWAY PURE 4G จากค่ายน้องใหม่อย่าง Wiko ที่เกิดมาพร้อมดีไซน์ที่เน้นเอาใจสาวๆ!

แท่นแทนแท้นนน~ เอาหละของอยู่ในมือเราแล้วมาแกะกล่องกันแบบไวๆ ดูสิเขามีอะไรมาให้บ้าง

 

ชวิ้งงง~

และนี่หละค่ะคือโฉมหน้าของ HIGHWAY PURE 4G หน้าตาเข้ากับคนรีวิวมากสวย คลีน และบอบบาง >w< 

HIGHWAY PURE 4G นั้นมาพร้อมจุดเด่นที่การดีไซน์แบบ Minimalist เน้นความเรียบง่ายด้วยการขึ้นรูปเฟรมจากวัสดุอลูมิเนียมเพียงชิ้นเดียว แต่ก็เพิ่มความหรูหรามากขึ้นด้วยการใช้เทคนิคอ็อกซิไดซ์ตัวเฟรมเครื่องแบบสองสี ทั้งนี้ยังเลือกใช้วัสดุเป็นกระจกที่มีความคงทนสูงมาเสริมลุคให้เรียบหรูมากขึ้น 

ซึ่งนอกจากจะหน้าตาดูดีแล้วเวลาจับก็ให้ฟีลลิ่งที่ดีด้วย ทั้งนี้เพราะนอกจากการเลือกใช้วัสดุอย่างลงตัวและงานประกอบที่ทำออกมาได้ดีแล้วตัวเครื่องเองก็ทำออกมาได้บางและเบามากๆ และด้วยความบางเฉียบแค่ 5.1มิลลิเมตรและหนัก 98กรัม แบบนี้จึงเหมาะมือสาวๆ ใช้ถือ selfie ได้ทั้งวันไม่มีเมื่อย หรือจะพกพาก็ง่ายใส่กระเป๋าใบเล็กๆ หรือใส่กระเป๋ากางเกงก็ได้สบาย ... โดยรวมแล้วเรื่องหน้าตาทำออกมาดี สวยงามตามท้องเรื่อง ให้ผ่านค่ะ :]

แต่ว่าสวยอย่างไม่ได้ต้องสมาร์ทด้วย เพราะเดี๋ยวนี้สาวๆ ใช้งานสมาร์ทโฟนกันหลากหลายมากขึ้นไม่ใช่แค่เพียงแชะแค่แชทแต่เรายังเข้าหน้าเว็ปกันหนัก ดูคลิปกันเยอะ แถมยังเล่นเกมอีก ดังนั้นมือถือก็ต้องทำออกมาตอบโจทย์ lifestyle ให้ได้ครบครัน


เดี๋ยวนี้เรื่องหน้าจอเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เรื่องหนึ่งเลย เนื่องจากเราใช้งานมัลติมีเดียกันมากขึ้น ตั้งแต่อ่านไฟล์งาน เข้าหน้าเว็ป ดูหนัง ไปยันเล่นเกม ดังนั้นหน้าจอที่เหมาะสมก็ควรจะต้องใหญ่พอควรเพื่อให้เราใช้งานได้เต็มตาโดยไม่ต้องเพ่งจนสายตาล้าไปเสียก่อน

สำหรับ HIGHWAY PURE 4G นั้นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด HD เรื่องขนาดสำหรับเก่งถือว่าพอดี ไม่เล็กเกินไปแต่ก็ไม่ใหญ่จนพกยาก ส่วนเรื่องสีสันก็สดใสสมจริง ด้านเรื่องเสียงเขาก็ใช้ชิปเสียงจาก NXP Smart PA ให้เสียงคุณภาพดี โดยรวมแล้วสามารถใช้งานมัลติมีเดียต่างๆ ได้ดีทีเดียวค่ะ แถมด้วยน้ำหนักเบาๆ ของตัวเครื่องยังทำให้ถือใช้งานได้นานโดยไม่เมื่อยมือด้วย แต่ว่าอาจจะต้องทนร้อนสักหน่อยเพราะว่าจากที่ลองเล่นมาถ้าใช้งานต่อเนื่องอย่างเช่น เล่นเกม หรือเข้าหน้าเว็ปอ่านเพลินๆ ตรงด้านหลังเครื่องช่วงใต้กล้องจะอุ่นมากเลย =.=

 


ด้านความลื่นไหลของเครื่องนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว ใช้งานได้ไม่ช้าไม่หน่วงไม่ค้าง สามารถเล่นเกมได้ตั้งแต่แนวแคชชวลเบาๆ ไปจนถึงเกมจริงจังอย่าง Asphalt ทั้งนี้เป็นเพราะหน่วยประมวลผล quad-core อย่าง Qualcomm Snapdragon 410 1.2GHz และแรมที่ให้มาที่ 2GB นั่นเอง

แต่แม้การใช้งานโดยรวมจะทำออกมาดีแต่ก็มีปัญหาเรื่องหน่วยความจำอยู่บ้างเพราะให้มาเพียง 16GB แถมยังไม่สามารถเพิ่ม Micro SD Card ได้ด้วย ซึ่งถ้าลงแอพ ลงเกม รวมรูปก็แทบจะเต็มแล้ว แต่ว่ายังดีที่เจ้าตัวนี้สามารถรองรับ OTG หรือ USB On-The-Go ให้ต่อกับ Flash Drive ทำให้ ได้เมมเพิ่มมาอีก 64 GB ค่ะ


เรื่องของการใช้งานสำหรับสาวๆ แล้วอะไรก็คงไม่เท่าเรื่องกล้องใช่ไหมคะ?

HIGHWAY PURE 4G มาพร้อมเลนส์มุมกว้างให้เราเก็บภาพได้ครบขึ้น โดยจะมารพร้อมกล้องหน้าเอาใจคอ selfie ความละเอียด 5ล้านพิกเซล เด่นที่ฟีเจอร์ Face Beauty ให้สามารถเลือกระดับความวิ้งได้ 3ระดับ หรือหากยังไม่พอใจจะเลือกปรับเองก็ได้เช่นกัน อยากผิวเนียนแค่ไหน หน้าวีเชฟอย่างไรก็เลือกได้ตามใจแบบไม่ต้องพึ่งหมอ!


ซึ่งภาพรวมแล้วกล้องหน้า 5ล้านพิกเซลนั้นถ้าอยู่ในสภาพแสงปกติจะไม่มีปัญหาสามารถทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่ถ้าเป็นที่ๆ แสงน้อยลงหน่อยอย่างถ่ายในรถหรือถ่ายในห้องจะเริ่มมี noise ให้เห็น ส่วนถ้าเป็นในที่ค่อนข้างมืดจะทำออกมาได้ไม่ดีนักอาจจะเป็นเพราะรูรับแสงแคบให้ลองเปิดเป็นโหมด HDR ก็จะช่วยให้ได้ภาพที่ดีขึ้นค่ะ


ด้านกล้องหลังให้มาที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ซึ่งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังจะมีโหมดในการถ่ายภาพ 3โหมดหลัก คือโหมดปกติ, โหมด HDR และ Face Beauty จากนั้นเราสามารถเข้าไปเลือกปรับค่าต่างๆ เพิ่มเติมได้ทั้ง ISO, Exposure, Contrast, White balance รวมไปถึงสามารถเลือกกำหนดโทนสีให้กับรูปภาพและเอฟเฟคสีสันต่างๆ แม้ในส่วนของการตั้งค่าตรงนี้อาจจะเข้าใช้งานยาก หลายขั้นตอนไปสักหน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่เน้นการปรับตั้งค่าแค่ใช้ถ่ายธรรมดาก็ไม่มีปัญหา ส่วนด้านวีดีโอนั้นจะรองรับการถ่ายแบบ Full HD ค่ะ


และหากถ่ายภาพมาแล้วไม่ชอบสีสัน หรืออยากเพิ่มข้อความอะไรเข้าไปก็สามารถไปเลือกแก้ไขในโปรแกรมตกแต่งแก้ไขรูปภาพภายหลังได้เช่นกัน

ซึ่งจากเท่าที่ลองกล้องของ HIGHWAY PURE 4G โดยรวมไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่ว่าซอฟต์แวร์จะมีการเร่งสีและปรับค่าคอนทราสต์มาให้พอควร ยิ่งถ้ารูปที่ถ่าย Indoor จะยิ่งเห็นได้ชัด ส่วนภาพถ่ายในตอนกลางคืนนั้นเจอว่าในบางสภาพแสงว่าจะมี noise อยู่บ้าง

เดี๋ยวลองมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง 8ล้านพิกเซลของ HIGHWAY PURE 4G กันเลยดีกว่า!


โหมด HDR

 

เรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวันผ่านไปครบแล้วแต่ว่าการจะทำหลายสิ่งในวันเดียวได้ก็ต้องมาพร้อมแบตเตอรี่ที่เอื้ออำนวยด้วย เจ้าตัวนี้เขาให้มาที่ 2,000mAh ซึ่งจากเท่าที่ลองใช้งานตามปกติดูทั้งโทร แชท เล่นเกม เข้าหน้าเว็ป ใช้แอพโซเชียลก็สามารถใช้งานได้ยาวๆ 9ชม. แบบไม่ง้อ power bank ซึ่งก็ถือว่าทำมาได้ดีทีเดียวค่ะ :]

โดยรวมแล้ว HIGHWAY PURE 4G ถือว่าเป็นมือถือที่เน้นจุดเด่นเรื่องของดีไซน์สวยหรูและความบาง-เบาของตัวเครื่องพร้อมตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ครบและค่อนข้างดี แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อเสียเรื่องของกล้องหน้าในที่แสงน้อยและรายละเอียดย่อยๆ อยู่บ้าง … สำหรับใครที่สนใจรุ่นนี้เขาจะมีวางขายให้เลือก 4สีทั้ง White/Gold, Black/Grey, Black/Gold และ Black/Bleen ที่สนนราคา 7,990 บาทค่ะ


สเปค Wiko Highway Pure 4G

หน้าจอ : 4.8 นิ้ว AMOLED ความละเอียด HD 1280 x 720

ขนาดตัวเครื่อง : สูง 141.9 กว้าง 68.1 บางเพียง 5.1 มิลลิเมตร

หน่วยประมวลผล : Snapdragon 410 MSM8916 Quad Core 1.2 GHz, Cortex-A53

หน่วยประมวลผลกราฟิค : Adreno 306

แรม : 2GB

หน่วยความจำภายใน : 16GB

กล้องหลัง : ความละเอียด 8MP พร้อม LED Flash

กล้องหน้า : ความละเอียด 5MP

การเชื่อมต่อ : Bluetooth 4.0, WiFi b/g/n

เครือข่าย 4G LTE 800/1800/2100 MHz / 3G WCDMA 850/900/2100 MHz

แบตเตอรี่ : 2000 mAh Li-Po

ระบบปฏิบัติการ : Android 4.4.4 KitkKat

 

ซิม Lucky Number จากดีแทค คัดสรร จัดเรียง โดยหมอช้าง

$
0
0

เรื่องราวลึกลับหรือศาสตร์ลี้ลับนั้นเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เรื่องไหนยิ่งพิสูจน์ไม่ได้เรื่องนั้นยิ่งได้รับคำร่ำลือกัน บางความเชื่อก็เปลี่ยนกลายไปเป็นประเพณี จารีต ธรรมเนียมปฏิบัติ บางคนไม่ได้เชื่อ แต่ก็เลือกทำเพื่อความสบายใจ บางคนก็บอกทำแล้วไม่ได้เสียหายก็ไม่เป็นไร อย่างเรื่องฤกษ์ยาม เวลามงคล ต่างๆ ที่ทำแล้วดีก็ทำกันไป แล้วจะช้าอยู่ไย วันนี้ลองเปลี่ยนมาใช้ซิม Lucky Number จากดีแทค ให้ชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ กันเถอะ

ซิม Lucky Number ดีทุกเลข เด่นทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การงาน โชคลาภ ความรัก คัดสรร จัดเรียง และการันตีโดยหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

 

ตัวอย่างเลข Lucky Number เลขดี ความหมายเด่น

ผลรวมตัวเลข = 26 พลังของตัวเลขนี้ช่วยส่งเสริมการงานที่เกี่ยวกับต่างประเทศ การค้าขายนำเข้า-ส่งออก การท่องเที่ยซ ธุรกิจความสวยงาม งานด้านศิลปะ ออกแบบดีไซน์  รวมถึงการค้าขายผ่านโลกออนไลน์ ส่งผลให้เสริมด้านงานเงินควบคู่ไปด้านความรักอยู่ในเกณฑ์ปกติ 

ผลรวมตัวเลข = 38เป็นผลรวมที่มีพลังความแรง ส่งเสริมอาชีพที่เกี่ยวกับ ความผันผวน เช่น อาชีพ ด้านการเงิน  หุ้น การลงทุน ก็จะเหมาะกับผลรวมของตัวเลขนี้ รวมถึงการทำงานต่างประเทศ ธุรกิจทางอินเทอร์เน็ต งานที่เริ่มต้นทำในช่วงกลางคืน พลังนี้ก็จะส่งผลดีให้เช่นกัน  เพราะเป็นตัวเลขที่ให้ความหมายในความมั่นคั่ง การเสี่ยงโชค การลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดี

ผลรวมตัวเลข = 44 ถือเป็นตัวเลขแห่งการค้าขาย เหมาะสำหรับคนที่มีอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้า นายหน้าตัวแทน คนที่ต้องใช้โทรศัพท์บ่อยๆ ในการทำงาน เช่น  Call Center และงานด้านสื่อสารมวลชน อาชีพที่เกี่ยวข้องกับสื่อ เว็ปไซต์ ไอทีต่างๆ การติดต่อต่างประเทศ ซึ่งพลังตัวเลขนี้จะส่งผลให้เกิดข่าวดีเข้ามาในชีวิต

ผลรวมตัวเลข = 51 เป็นผลรวมที่ให้พลังดีมากๆ ส่งผลในเรื่องความสำเร็จ ชื่อเสียง มีเกียรติยศในดวงการงาน  โดยเฉพาะคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือคนที่เป็นผู้บริหาร ส่งผลให้ได้รับการยกย่องอย่างโดดเด่น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของเส้นสายได้เป็นอย่างดี มีมิตรสหายเพื่อนฝูงมากมาย ช่วยในการเจรจาติดต่อให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับการเงิน ความบันเทิง ศิลปะ  ความสวยงาม เครื่องประดับ ความสวยงาม อาหารการกิน พลังจากตัวเลขนี้จะส่งผลดีให้เป็นอย่างมาก แล้วยังส่งผลดีให้เรื่องรักลงตัวอีกด้วย

(ความหมายดีๆ ของผลรวมตัวเลขทั้งหมดสามารถไปดูได้ที่ dtac Lucky Number)

 

Lucky Number เบอร์ที่ดี ไม่ใช่แค่ผลรวมดีความหมายเด่นเท่านั้น แต่ต้องประกอบด้วยตัวเลขที่ดี และการจัดเรียงที่เหมาะสม - อ. ช้างได้กล่าวไว้

ความหมายก็ตามนั้นเลยครับ Lucky Number นั้นไม่ได้เกิดจากคุณเอาเลขทั้งหมดมาบวกกัน แล้วได้เป็นผลลัพธ์ตามตารางด้านบนแล้วจะความหมายดีตามนั้น เพราะมันมีเรื่องของตำแหน่งของตัวเลข เลขไหนควรอยู่ตรงไหน เลขเรียงกันยังไง แล้วต้องผ่านการคัดกรองถึง 3 ชั้น คือ การนำตัวเลขที่ไม่เหมาะสมออก การวางตำแหน่งของคู่เลขที่เหมาะสม และการคำนวณออกมาเป็นผลรวม  ครั้นจะให้มาสอนกันเป็นเรื่องเป็นราวคงจะต้องใช้เวลานาน หมอช้างเลยได้ทำการคัดเลือกหมายเลขมาเสร็จสรรพ เผื่อใครที่ต้องการจะเปลี่ยนเบอร์หรืออยากได้หมายเลข Lucky Number ไปครอบครองทำได้ง่ายขึ้น

 

แต่บอกก่อนไม่ใช่ว่าได้ซิมแล้วไปนอนอืดอยู่บ้านจะมีงานไหลมาเทมาเหมือนซุปตาร์ มีโชคมีลาภถูกหวยทั้งๆ ที่ไม่เคยซื้อ หรือมีคนรักโผล่มาทั้งที่ไม่เคยคุยกับใคร คือเราก็ต้องทำงานทำการด้วย มันแค่เป็นตัวเสริมดวง เสริมอะไรไปเฉยๆ เรื่องแบบนี้เอาจริงๆ ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเหมือนที่เค้าโชว์กันตามโทรทัศน์นั่นแหละครับ เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ทำแล้วไม่เสียหาย สบายใจที่จะทำก็ทำได้

 

dtac Lucky Numberนั้นมีซิมและแพ็คเกจด้วยกัน 2 แบบคือ

Lucky Number เลือกเลขดี มีความหมาย

สำหรับเบอร์ชุดนี้จะสามารเลือกใช้งานกับโปรได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น Love&Roll ที่เน็ตเร็วไม่ลดสปีด ใช่ไม่หมดทบไปเดือนหน้า ตั้งแต่ 399, 599 หรือ 799 หรือจะเป็นโปร Freshy ที่ใช้อินเตอร์เน็ตได้ต่อเนื่อง 399 หรือ 599

 

Lucky Number Gold เป็นเบอร์ที่คัดมาแบบสวยพิเศษ รวมเลขดี

เบอร์ชุดนี้จะสมัครใช้บริการได้เฉพาะ Love & Roll 999 หรือ Love & Roll Blue member เท่านั้น โดยในแพคเกจนี้นอกจากจะได้ซิมเลขความหมายดีแล้ว ยังได้รับพื้นที่ของ Capture App สำหรับเกีบภาพถ่ายและความทรงจำถึง 100GB อีกด้วย

 

สำหรับใครที่สนใจซิม dtac Lucky Numberก็ลองไปสอบถามได้ที่ศูนย์บริการดีแทคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Truemove H ออกแพ็คแกจใหม่ 4G Share Plan แชร์เน็ต โทร และค่าบริการได้สูงสุด 3 เบอร์สำหรับผู้ใช้รายเดือน

$
0
0

ปัจจุบันการใช้ชีวิตของเราเริ่มติดหนึบกับโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทั้งรับข่าวสาร ดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงการแชทติดต่อสื่อสาร ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมาส่วนใหญ่ก็รองรับ 4G LTE เกือบหมดแล้วเพื่อรองรับประสิทธิภาพการใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุคไฮสปีด รวมถึงตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ Truemove H ก็คลอดโปรโมชั่นใหม่ 4G Share Planเอาใจคนที่ต้องพกทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตมากกว่าหนึ่งเครื่อง รวมไปถึงคนที่อาจจะต้องการแชร์โปรโมชั่นกับพ่อแม่ เพื่อน หรือคนรู้ใจ ในราคาที่ประหยัดขึ้น

การสมัครใช้โปรโมชั่น 4G Share Planเริ่มจากทำการเปิดเบอร์ใหม่ 1 เบอร์ ส่วนเบอร์ที่จะร่วมแชร์ต้องเป็นลูกค้า Truemove H เดิม หรือ จะเป็นการย้ายค่ายเบอร์เดิมก็ได้ จากนั้นก็สามารถสมัครแพ็กเกจ 4G Share Planได้โดยมีให้เลือก 3 ราคา ได้แก่ 1,299 บาท 1,499 บาท และ 1,899 บาท รายละเอียดโปรโมชั่นก็ตามตารางด่านล่างนี้เลยค่ะ

 

ขอทำตัวเป็นแว่นขยาย ปรับขนาดตัวดอกจันที่อ่านยากๆ มาให้อ่านง่ายๆ กันนิดนึงแล้วกันนะคะ

  • ค่าบริการส่วนเกินแพ็คเกจ ค่าโทร 1.25 บาท/นาที , SMS 2 บาท/ข้อความ , MMS 5 บาท/ครั้ง
  • ผู้ใช้บริการได้รับสิทธิ์ใช้ 4G ความเร็วสูงสุด 100 Mbps และ 3G ได้ที่ความเร็วสูงสุด 42 Mbps ตามปริมาณที่กำหนด ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และพื้นที่ที่รองรับ
  • ผู้ใช้บริการต้องมีการเปิดเบอร์ใหม่อย่างน้อย 1 หมายเลขสำหรับทุกแพ็คเกจ

 

นอกจากแพ็คเกจ 4G Share Planด้านบนแล้ว ยังสามารถเลือกรับสิทธิพิเศษได้ตามโปรโมชั่นข้างล่างนี้

  • เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G Share Planชำระค่าบริการล่วงหน้าเดือนละ 1,000 บาท นาน 10 เดือน ราคาทั้งสิ้น 10,700 บาท (รวม vat) ระยะสัญญา 15 เดือน พร้อมรับฟรี iPhone 5C รุ่น 8 GB

  • รับฟรี iPhone 5C รุ่น 8 GB เมื่อซื้อ iPhone 6 รุ่น 16 GB พร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G Share Planชำระค่าบริการล่วงหน้าเดือนละ 700 บาท นาน 10 เดือน ราคาทั้งสิ้น 32,990 บาท (รวม vat) ระยะสัญญา 15 เดือน

  • รับส่วนลด 50% iPad Air2 16/64 GB เมื่อซื้อ iPhone 6 รุ่น 16 GB พร้อมสมัครแพ็กเกจ  4G Share Planชำระค่าบริการล่วงหน้าเดือนละ 600 บาท นาน 10 เดือน ราคาทั้งสิ้น 42,620 บาท (รวม vat) สำหรับ iPad Air2 16 GB และสำหรับ iPad Air2 64 GB ราคาทั้งสิ้น 44,200 บาท (รวม vat) ระยะสัญญา 15 เดือน

เห็นแพ็คเกจแบบนี้แล้ว ก็เลยลองจับมาคำนวนเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งเบอร์จะตกประมาณเท่าไหร่ และคุ้มค่าแค่ไหน ลองดูตารางด้านล่างได้เลยค่ะ แจกแจงมาให้แล้วเรียบร้อย อันนี้คือถ้าใช้เท่าๆ กันทุกคน ก็หาร 2 หรือ หาร 3 ไปตามโปรโมชั่นนะคะ

แพ็กเกจค่าบริการรายเดือน (บาท)บริการโทร (นาที)4G|3G + ฟรี 4G|3G (นาน 12 เดือน)
4G Share Plan 1299 (แชร์ได้สูงสุด 2 เบอร์)65028310 GB
4G Share Plan 1499 (แชร์ได้สูงสุด 3 เบอร์)5004006.5 GB
4G Share Plan 1899 (แชร์ได้สูงสุด 3 เบอร์)6336666.5 GB

จากการผลการคำนวนด้านบนก็คงพอจะเห็นภาพกันแล้วเนาะ ทั้งนี้ก็สามารถเลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ ถามว่าคุ้มไหมก็คุ้มใช้ได้เหมือนกันเพราะจ่ายน้อยแต่ได้มาก ยิ่งถ้าเราไปขอแชร์กับพวกที่ไม่ค่อยเล่นเน็ตนี่ยิ่งคุ้มเลย อิอิ แต่ถ้าเพื่อนคนวันๆ มันขยันดู YouTube นี่ให้รีบหนีเลย อย่าลากมันมาสมัครเด็ดขาด เพราะเราจะติด FUP ไวก่อนใครแน่นอน - -"

สำหรับใครที่สนใจสามารถสมัครรับบริการได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2558 หากสงสัยหรือมีข้อข้องใจใดๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Truemove Hหรือโทรสอบถาม Call Center 1331 ได้เลยค่ะ Laughing out loud

รีวิว Asus ZenPower รอกันมานาน ในที่สุดก็พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว

$
0
0

หลายๆ คนน่าจะเล็ง Asus ZenPowerไว้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวเมื่อนานมาแล้ว แถมทาง Asus ประเทศไทยก็ทำท่าจะเอามาขายตั้งแต่เดือนที่แล้วบนออนไลน์สโตร์ แต่ก็ไม่มาซักที แล้วก็กลายเป็น Lazada ที่คว้าเอา ZenPowerมาขายแบบ Flash Sale จำกัดเวลาแทน โดยเปิดราคามาที่ 849 บาทสำหรับสีอื่นๆ แต่สีดำขายแพงกว่าที่ 899 บาท อย่าถามว่าทำไม เพราะบอกตามตรงว่างงเหมือนกัน

Asus ZenPowerมันก็คือพาวเวอร์แบงค์ดีๆ นี่แหละ แต่ขนาดและหน้าตาทำออกมาดูดีประมาณบัตรเครดิตเท่านั้น ไม่ใหญ่เทอะทะ แต่ก็หนาและหนักอยู่ เพราะอัดไฟมาถึง 10,050 มิลลิแอมป์ วัสดุที่ใช้ก็เป็นโลหะงานประกอบก็เนี้ยบอยู่

ภายในกล่องก็มี ZenPower, สาย Micro USB สั้นๆ หนึ่งเส้น, คู่มือการใช้งาน ในกล่องไม่มีหม้อแปลงสำหรับชาร์จมาด้วยนะ ต้องไปหาเสียบเอาเอง เมื่อชาร์จแบตจนเต็มจะสามารถใช้ชาร์จแบต Zenfone 2 (3,000 mAh) ได้มากกว่า 2 ครั้ง

ตัว ZenPower ใช้เวลาในการชาร์จแบตจนเต็มราวๆ 6 ชั่วโมง ด้วยหม้อแปลง DC 5V 2A นะครับ ถ้าใช้ที่แรงดันต่ำกว่านี้เช่น DC 5V 1A อาจจะต้องชาร์จนานข้ามคืนหรือราวๆ 9 ชั่วโมงกันเลย

สเปคและรายละเอียดของ Asus ZenPower

  • ความจุแบตเตอรี่ 10,050 มิลลิแอมป์
  • ไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ 4 ดวง
  • จ่ายไฟผ่านช่อง USB / DC 5.0V 2.4A
  • รับไฟผ่านช่อง Micro USB / DC 5.0V 2.0A
  • น้ำหนัก 215 กรัม
  • ขนาด 90.5 x 59 x 22 มิลลิเมตร  
  • ระบบ Asus PowerSafe ช่วยควบคุมทั้งอุณหภูมิขณะใช้งาน ควบคุมการจ่ายและรับกระแสไฟขณะชาร์จ ป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร 
  • ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลจาก Japan Electronic Information Technology Association (JEITA)

คือมันก็ PowerBank อะนะ ไม่รู้จะรีวิวอะไรอีก ขอแค่มันจ่ายไฟแรงๆ นิ่งๆ  ไม่ระเบิด หน้าตาสวยงามก็ผ่านแล้ว ถ้าจะให้จัดมากกว่านี้ก็คงต้องแกะมาดูไส้ในกันแล้วหละ Tongue

สำหรับใครที่สนใจก็สามารถไปกดซื้อได้จากเว็บไซต์ของ Lazadaโดยตรงได้เลย ซึ่ง ZenPower จะเริ่ม Flash Sale ในวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคมนี้ระหว่าง 10:00 - 12:00 มีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง แต่คาดว่ามันต้องหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาทีแน่นอน (ได้ข่าวว่าในช่วงแรกจะมีเฉพาะสีเงินและสีทองก่อน ส่วนสีฟ้า ชมพู และดำน่าจะตามมาในภายหลัง)

ส่วนลิงค์ด้านล่างและบนรูปภาพจะเป็นลิงค์ affiliate ซึ่งรายได้ทั้งหมดที่เราได้จากการคลิกซื้อผ่าน affiliate จะทำการบริจาคให้กับสภากาชาดไทยทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นทีมงาน droidsans จะรายงานรายได้ทั้งหมดในช่วงกลางเดือนกันยายน (ช้าหน่อยเพราะต้องรอระบบของ Lazada คำนวนออกมา) และจะแปะใบบริจาคไว้ท้าย blog ครับ 

คลิกซื้อ ZenPower ผ่านระบบ affiliate

 

**เพิ่มเติม** Lazada จัดแคมเปญแจกฟรี ZenPower ด้วยนะ รายละเอียดตามด้านล่างเลยครับ

อยากได้ Zenpower พาวเวอร์แบงค์ รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Asus ไปแบบฟรีๆมั้ยค่ะ เราแจก 5 เครื่องค่ะ เพียงร่วมเล่นเกมกับเราง่ายๆตามนี้ค่ะ 1. Follow IG Lazada_th 2. คอมเม้นใต้ภาพนี้ว่า "คุณเคยแก้ตัวกับแฟน/กิ๊ก เวลาไปลั่นล้าแล้วแบตมือถือหมดว่ายังไงบ้าง"พร้อมแทคเพื่อน5คนในคอมเม้นคุณค่ะ ข้อแก้ตัวที่เจ๋งที่สุด5ท่าน รับไปเลยค่ะ พาวเวอร์แบงค์ Asus Zenpower สุดชิคค่ะ *ร่วมกิจกรรมได้ถึงวันที่ 21สิงหาคม และประกาศผลวันที่ 22สิงหาคมนี่ค่ะ *กรณีเกิดข้อพิพาท คำตัดสินลาซาด้าถือเป็นที่สิ้นสุด

A photo posted by LAZADA.co.th (@lazada_th) on Aug 17, 2015 at 7:06pm PDT

รีวิว Sony Android TV ภาค 2 : มีทีวีเป็นแอนดรอยด์แล้วเอามาทำอะไรได้บ้าง

$
0
0

    หลังจากที่เราได้เคยรีวิว Sony Android TVไปแล้วทีนึง ซึ่งเราได้นำเอารุ่นจอ 50 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD มาเล่าให้ฟังว่ามันมีอะไรเด่น น่าซื้อรึเปล่าไปแล้ว มาวันนี้เราขอนำเอารุ่นจอ 4K ขนาด 55 นิ้วมาลองเล่นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้จะขอมาเน้นเรื่องการใช้งานว่าทำไมต้องซื้อโทรทัศน์ที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการณ์แอนดรอยด์ หาเหตุผลเพิ่มเติมให้เหล่าพ่อบ้านที่กำลังเล็งหาทีวีใหม่สักเครื่อง เพื่อไปขออนุมัติงบจากเหล่ากวางน้อย ผบ.สูงสุดในบ้านกัน (กวางน้อยกับผบ.มันฟังดูขัดกันยังไงไม่รู้แฮะ -_-)”

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ KD-55X8500Cกันก่อน​ โดยเจ้าเครื่องนี้ได้ถูกวางจำหน่ายไปเรียบร้อยแล้วในประเทศไทย สนนราคาหากันได้ไม่แพงกว่า 54,990 บาท จัดอยู่ในรุ่น Entry 4K เหนือจากรุ่นที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้าสเตปนึง เมื่อนำมาเปรียบเทียบแล้วจะพบว่ามีจุดที่ต่างกันหลายส่วนอยู่สรุปคร่าวๆได้ประมาณนี้

รุ่น

KD-55X8500C

KDL-50W800C

ขนาดหน้าจอ

54.6", 16:9

49.5", 16:9

ความละเอียด

QFHD (4K)

Full HD (1920x1080)

TV Tuner

DVB-T/T2

DVB-T/T2

ระบบสี

PAL, SECAM, NTSC 3.58, NTSC 4.43

วงจรประมวลผลภาพ

4K X-Reality PRO

X-Reality PRO

Motionflow™

Motionflow XR 800Hz

จอภาพ TRILUMINOS™

ใช่

-

ลักษณะลำโพง

Bass Reflex

ระบบเสียง

S-Master Digital Amplifier, S-FORCE Front Surround, Dolby Digital, Dolby Digital Plus, Dolby Pulse

คุณสมบัติของลำโพง

2ch, Full Range(30x80มม.)x2, กำลังขับ 10W+10W

การกินไฟ

202 วัตต์

94 วัตต์

การกินไฟขณะปิดเครื่อง

0.5W

0.5W

ขนาด (กว้าง x ยาว x ลึก) ม.ม. ไม่มีขาตั้ง

ประมาณ 1236 x 722 x 60 (20.3) มม.

ประมาณ 1116 x 654 x 59 (12.6) มม.

น้ำหนักโดยไม่มีขาตั้ง

ประมาณ 19.9 กก.

ประมาณ 13.7 กก.

 

    สำหรับ Sony Android TV รุ่น KD-55X8500C ตัวนี้ เราจะไม่ได้ลงลึกไปเรื่องการทดสอบภาพและเสียงมากมายนะ แต่จะเน้นไปที่เรื่องของฟีเจอร์การใช้งานมากกว่า เลยจะขอสรุปแบบคร่าวๆเท่าที่สัมผัสได้มาประมาณนี้

    จอ 4K กับระบบเสียงที่ให้มาจัดว่าคมชัดกระหึ่มกว่าทีวีที่บ้านใช้อยู่เยอะเลย (คืออายุมันก็หลายปีละแหละ ทำเอาอยากเปลี่ยนเลย 555) และแม้ว่าไฟล์ภาพที่นำมาเปิดบนจอ 4K ไม่ละเอียดมาก เจ้า KD-55X8500C ก็ยังสามารถเกลี่ยภาพให้ออกมาดูโอเคได้อยู่ เมื่อเปิดดูหนังจะรู้สึกว่าภาพมีความคมและสีสดขึ้นต่างจากทีวีที่ใช้อยู่แบบสังเกตได้ เข้าใจว่าเป็นเพราะเทคโนโลยี 4K X-Reality Pro และ Triluminos ซึ่งเป็นตัวประมวลผลเฉพาะของทาง Sony นั่นเอง รวมถึงยังมีชิปประมวลผล 4K Processor X1 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทั้ง 2 เทคโนโลยีขึ้นมาอีก ความคมชัดจึงมีมากกว่ารุ่นปีที่แล้ว ยังไงลองไปดูของจริงได้ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำที่เอาทีวีหลายๆเครื่องมาวางข้างๆประชันกันดูนะ

    ถ้าระบบเสียงในทีวีที่มีมายังไม่สะใจพอ สามารถต่อสายออกไปยังเครื่องเสียงภายนอกได้จากช่องต่างๆที่มีมามากมายด้านหลังทีวี และยังมีช่องสำหรับต่อเสียบสาย HDMI เข้าไปอีกเยอะเลย มาดูสรุปกันหน่อยว่ามีพอร์ทอะไรบ้างละกัน

การเชื่อมต่อ

  • HDMI x4 (HDCP2.2 + รองรับ MHL)

  • Bluetooth

  • ช่องต่อสัญญาณเสียงอนาล็อคสำหรับ HDMI x1

  • USB x3

  • LAN x1

  • Video Composite

  • Video Component

  • ช่องต่อ RF x1

  • ช่องต่อเสียงเข้าอนาล็อค x2

  • ช่องต่อเสียงออกดิจิตอล x1

  • 3.5mm Audio Out

    เรื่องการใช้งานทั่วไป เราเอามาทำการทดสอบหาสเปคและวัด Benchmark ต่างๆ จะพบว่าตัว CPU GPU จะใช้เป็นตัวเดียวกับของรุ่น 50W800C ซึ่งวัดประสิทธิภาพเป็นตัวเลขทำออกมาได้น้อยกว่าด้วยเหตุผลว่าหน้าจอความละเอียดที่มากกว่า ต้องมีการประมวลผลที่กินทรัพยากรมากขึ้น แต่จุดที่น่าสนใจคือเรื่องการเล่นเกมแล้วกระตุกกลับไม่มีปัญหาให้เห็น สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลกว่ารุ่นที่เคยเล่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดแม้จะเล่นเกมที่เล่นหลายคนพร้อมๆกันอย่าง Bombsquad หรือ Beach Buggy Racing ก็วิ่งกันเพลินๆ เล่นกันยาวๆ เวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัว เพื่อนยิ่งเยอะยิ่งผ่านไปอย่างไวเลยทีเดียว


ผลการทดสอบ Benchmark ด้วย AnTuTu

 

ผลการทดสอบ Benchmark ด้วย Ice Storm Extreme ของ 3DMark

 

ผลการทดสอบ Benchmark ด้วย Ice Storm Extreme ของ 3DMark

 

    ส่วนข้อที่อาจทำให้ตะหงิดๆใจเล็กน้อยคือตอนกดๆเล่นส่วนต่างๆกับสลับแอป จะพบกับอาการกระตุกหรือชะงักเบาๆ และเรื่องของแอปบางตัวที่อาจจะยังทำมารองรับหน้าจอ 4K ไม่ดีนัก มีเข้าแล้วแล้วแอปเด้งให้เห็นอยู่เนืองๆนั่นเอง

    เอาล่ะ สำหรับเหล่าพ่อบ้านที่มีใจจะซื้ออยู่แล้ว เชื่อว่าไม่ต้องพูดอะไรมาก เห็นของเล่นใหม่ ทีวีที่บ้านจะดูเก่าลงไปถนัดตา เตรียมกำเงินไปซื้อกันอยู่แล้ว แต่ปัญหากลับอยู่ที่ว่าเงินไม่ได้อยู่ให้เรากำ แต่เป็นผบ.สูงสุดที่กำเอาไว้แน่นนั่นเอง และนี่เป็นเหตุผลที่เราขอแนะนำให้เอาไปเดโม เล่นเป็นตัวอย่างให้ผบ.กวางน้อยได้ใจอ่อนกัน

  1. ดูทีวีดิจิตอลได้ภาพเนียนใสกิ๊ก สามารถดูผังรายการทีวีล่วงหน้าได้


    บิ้วท์อินตัวรับสัญญาณทีวีดิจิตอล เปิดช่อง HD ได้ภาพคมกริ๊บ! อัพสเกลภาพได้ละเอียดเกือบเท่าระดับ 4K เลือกภาษาที่ต้องการเล่นได้ทั้งเสียงและซับ ไม่ต้องมาหยิบเปลี่ยนรีโมทหลายอันไปมา 




    ช่องทีวีดิจิตอลมีให้เลือกดูเยอะอยู่ สามารถดูรายการที่กำลังจะมาต่อไปได้ด้วย

    วิธีใช้ตัวเครื่องมีที่แปลงสัญญาณทีวีดิจิตอล แต่ว่าเสาต้องซื้อเองนะ ไปเดโมที่ร้านในห้างอาจจะลำบากหน่อย แต่ถ้าดูได้ก็กดเข้าไปที่ Home >> แล้วเลือก Input เป็น Digital

  2. นำภาพตอนไปเที่ยวที่ถ่ายจากมือถือขึ้นทีวีได้อย่างง่ายดายผ่าน Screen Mirroring, Google Cast, หรือสาย MHL

    เราแนะนำให้ใช้สาย MHL ที่สุดเพราะชัวร์และได้ภาพขึ้นจอรวดเร็วและสวยงาม แต่ตรวจสอบก่อนด้วยนะว่าโทรศัพท์ของเรารองรับการเชื่อมต่อด้วยสาย MHL
    แต่ถ้านั่นยังไม่ทำให้ผบ.พอใจ ลองปรับเอาเรื่องงานบังหน้า โดยบอกว่าเอาไว้พรีเซนต์คุยงาน ดึงภาพจาก Notebook ได้สบายๆก็ได้

  3. แชร์ภาพกับเพื่อนๆที่ไปเที่ยวด้วยกันมาได้ง่ายๆ และดึงรูปมาได้อย่างไว



    วิธีใช้เข้าไปที่แอป Photo Sharing Plus

  4. เปิดดู YouTube รายการทีวีที่ชอบหรือฟัง MV ทั้งไทยและต่างชาติได้อย่างเนียน

    ข้อนี้ถ้าจะเอาเนียนๆ ให้ทำ playlist ของเพลงหรือรายการทีวีที่ท่านผบ.ชอบเอาไว้ก่อน ไปทำผ่าน Desktop ก็จะง่ายดี เพราะมันซิงค์ไปมาผ่าน Google Account อยู่แล้ว จากนั้นตอนเดโม ก็จะดูลื่นไหล เซอร์ไพร์สท่านผบ.ได้ชะงัดนัก

  5. เช่า-ซื้อหนังมาดูบนทีวีได้ทันทีผ่าน Google Play Movie


    บอกลาการเดินไปเช่าหนังจากร้านไปได้เลย ไม่ต้องเมื่อย ไม่ต้องไปเสี่ยงดวงว่าแผ่นจะอยู่รึเปล่า แถมยังมีหนังเข้ามาอัพเดทให้เราเรื่อยๆ จะเลือกดูบนทีวีหรือว่ามือถือแท็บเล็ตระหว่างเดินทางก็ได้ เช่าซื้อแค่ทีเดียวดูได้หลายอุปกรณ์กันไปเลย

  6. เรียกไฟล์หนังหรือเพลงที่ต้องการจะเล่นจาก Desktop, Notebook หรือ NAS ผ่านวงแลน หรือเสียบต่อเล่นด้วย USB Thumbdrive

    สำหรับเหล่าพ่อบ้านผู้มีความสามารถหาไฟล์หนังและเพลงมาลงเครื่องได้แล้วไซร้ หลายๆคนอาจจะพอทราบวิธีนำภาพขึ้นทีวีอยู่บ้างแล้ว แต่ว่าด้วย Sony Android TV เราสามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ตัวแอปวิดีโอรองรับการใช้งานแบบนี้อยู่แล้ว พร้อมกดเรียกซีรีย์สฮิตของท่านผบ.มาดูได้ทันทีทันใจ

  7. ควบคุมบังคับการทำงานได้ง่ายๆด้วยรีโมทคอนโทรลแบบสัมผัส


    รีโมทที่เพิ่งได้มารีวิวในครั้งนี้ ซึ่งจุดเด่นไม่ได้มีเพียงแค่รีโมทแบบสัมผัสถูๆไถๆ แต่ว่ามันสามารถรับเสียงพูดเราได้ด้วย อยากจะหาหนังหรือเพลงอะไรก็แค่พูดเข้าไปที่รีโมทได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ให้เมื่อย

  8. โหลดรีโมทสำหรับควบคุมการทำงานแสนง่าย


    ถ้ารีโมทเดียวไม่เพียงพอ เราสามารถโหลดแอปที่ใช้เป็นรีโมทเพื่อควบคุม Sony Android TV ได้เลย กดได้ดีเทียบเท่าหรือดีกว่าที่มีมาให้ในกล่องเสียด้วยซ้ำไปนะ สามารถพิมพ์พาสเวิร์ดผ่านแอปนี้ จะได้ไม่มีใครเห็นว่าเราพิมพ์อะไรนะ

    วิธีใช้เข้าไปโหลดแอปจาก Play Store มาลงมือถือเราได้เลย



  9. เล่นเกมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง แบบคุณพ่อคุณแม่เล่นได้ คุณลูกเล่นดี

    เกมเจ๋งๆสำหรับเล่นหลายๆคนบนจอใหญ่ๆมีให้เลือกมากมาย โดยเกมหนึ่งที่นาย Akexorcist ก็เพิ่งรีวิวไป ได้แก่ Bombsquadที่จะมาช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับคนที่มาร่วมเล่นได้เป็นอย่างดี


    หรือถ้าจะเล่นเดี่ยวๆ ก็จะมีเกมสนุกๆให้เล่นมากมาย ทั้งแบบจริงจังหรือฆ่าเวลาทั่วไปก็ได้ ข้อดีคือข้อมูลระหว่างบนทีวีกับมือถือจะสามารถเชื่อมต่อกันได้ เล่นบนทีวีแล้วต้องออกนอกบ้าน เราก็ยังเซฟแล้วเอาไปเล่นบนมือถือต่อก็ยังได้นะ

    ถ้ายังจริงจังไม่พอ เราสามารถไปซื้อจอยมาเชื่อมต่อด้วยก็ได้นะ เคยลองเชื่อมต่อทีนึง 4-5 จอยก็ยังทำได้อยู่ล่ะ

    เข้าเกมไปก็จะทำการปรับแต่งการบังคับก่อนเล่นได้



    ตัวจอยแบบนี้มักจะมีสายต่อพ่วงแถมมาให้ในกล่อง เพื่อให้โยงช่อง USB ที่เสียบตัวรับสัญญาณมาไว้ด้านหน้าทีวีแทน ซึ่งจะทำให้ตัวจอยสามารถตอบรับการกดได้ไวขึ้น

  10. เปลี่ยนเป็นเครื่องเสียง ฟังเพลงสบายๆจากทีวีโดยไม่ต้องเปิดจอ


    เรื่องเบสิคง่ายๆแต่ว่าเป็นคิลลิ่งฟีเจอร์ได้เหมือนกัน เพราะสามารถเปิด YouTube หรือแอปฟังเพลงต่างๆให้มีแต่เสียงออกมา ไม่ต้องเสียสมาธิดูภาพ และประหยัดไฟลงไปได้โขอยู่

    วิธีใช้
    เข้าไปเล่นพวกแอป YouTube ระหว่างเล่นก็ให้แตะ action menu บนรีโมท > เลือก “ปิดภาพ”

ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือทำไม่เป็นตรงไหนลองดูตามคลิปนี้นะ

    ทั้งหมดนี้ แนะนำว่าก่อนที่จะพยายามขายแทนพนักงานขาย ควรแอบไปลองเล่นจนคล่องก่อน ตอนโชว์จะได้เห็นว่ามันใช้ง๊ายยยยง่าย กวางน้อยก็สามารถใช้ได้สบายๆนั่นเองครับ Tongue

    ขอจบการรีวิวและแนะนำความสามารถของ Android TV สำหรับเอาไปล่อลวงกวางน้อยแต่เพียงเท่านี้ หากใครได้ไปลองเล่น หรือสามารถนำมันกลับมาบ้านได้ฝากเอามาเล่าให้ฟังด้วยนะครับว่าเป็นอย่างไร ต้องผ่านด่านในการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มีคำถามเพิ่มเติม หรืออยากเสริมอะไร มาคุยกันในคอมเม้นท์คร้าบ ^^

 

Viewing all 80 articles
Browse latest View live